ปิดฉากคดี"ห้างทอง ธรรมวัฒนะ"
ศาลพิพากษายกฟ้อง"นพดล ธรรมวัฒนะ"จำเลยคดีฆาตกรรมพี่ชายตัวเอง ระบุพยานหลักฐานโจทก์อ่อน ไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าห้างทองถูกฆ่า ขณะที่พยานหลักฐานฝ่ายจำเลยหักล้างได้ทุกเรื่องทั้งผลชันสูตรศพครั้งที่ 3 จากทีมแพทย์นิติเวชนับ 10 คนระบุว่าไม่ใช่การฆาตกรรม รวมทั้งจดหมายลาตายที่ห้างทองเขียนถึงน้องๆ ก็ไม่น่าจะถูกบังคับให้เขียน อีกทั้งนพดลไม่มีปัญหาขัดแย้งกับห้างทองจึงไม่มีเหตุให้ต้องวางแผนฆ่า "นพดล"แถลงหลังพ้นมลทิน ประกาศฟ้องแพ่งคุณหญิงหมอพรทิพย์ เรียกค่าเสียหายพันล้านเพราะโดนตราหน้าเป็นฆาตกร รวมทั้งฟ้องกลับตำรวจที่ทำคดีฆาตกรรมด้วย จี้แพทยสภาเร่งสอบจริยธรรมคุณหญิงหมอพรทิพย์ เพราะร้องเรียนไปตั้งแต่ปี 49 แล้วยังเงียบ
-ศาลพิพากษาคดี"ห้างทอง"
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 28 ก.ย. ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีความผิดต่อชีวิต หมายเลขดำที่ 248/2547 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายนพดล ธรรมวัฒนะ อายุ 54 ปี อาชีพนักธุรกิจ เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่านายห้างทอง ธรรมวัฒนะ พี่ชายตัวเอง อดีตส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชากรไทย โดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน
โดยอัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 23 ม.ค.2547 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า
เมื่อระหว่างวันที่ 5-6 ก.ย.2542 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับพวกซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด บังอาจร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายห้างทอง 1 นัด โดยจำเลยกับพวกมีเจตนาฆ่าให้ตาย กระสุนปืนถูกบริเวณศีรษะนายห้างทองเป็นบาดแผลฉกรรจ์ กระสุนทะลุกะโหลกศีรษะเข้าไปทำลายอวัยวะส่วนสมอง เป็นเหตุให้นายห้างทองถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลดังกล่าวแล้ว สมดังเจตนาของจำเลยกับพวก รายละเอียดบาดแผลปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพและรายการตรวจศพของเจ้าพนักงานและแพทย์ เหตุเกิดที่บ้านธรรมวัฒนะ เลขที่ 299/9 หมู่ 7 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. นอกจากนี้ในวันเวลาดังกล่าวเจ้าพนักงานตำรวจได้ตรวจยึดอาวุธปืนที่ใช้ยิงในข้อ 1 และสิ่งของต่างๆ เป็นของกลาง กระทั่งวันที่ 31 ต.ค.46 เจ้าพนักงานตำรวจได้ควบคุมจำเลยมาดำเนินคดี จำเลยให้การปฏิเสธโดยตลอด
นพดลยันฟ้องกลับ เรียกพันล. หมอพรทิพย์-พล.ต.ต.
-เสียหาย-ถูกตราหน้าเป็นฆาตกร
นายนพดลกล่าวว่า อยากให้พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ตระหนักถึงเรื่องของจริยธรรม เพราะได้สร้างความปั่นป่วนให้แก่สังคม อีกทั้งยังทำให้ตนตกเป็นจำเลยของสังคมเป็นเวลาหลายปี ทำให้เกิดความเสียหายแก่ธุรกิจและครอบครัว ซึ่งทำให้ครอบครัวของตนถูกตราหน้าว่าเป็นไอ้ฆาตกร
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า
ต่อไปจะทำอะไรให้สังคมบ้าง นายนพดลกล่าวว่า จะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ประชาชนอยู่อย่างปลอดภัย ไม่ถูกรังแกจากกระบวนการยุติธรรมจอมปลอม ส่วนเรื่องญาติพี่น้องตนได้อโหสิกรรมไปหมดแล้วทุกอย่าง ซึ่งเบื้องหลังที่มีการปรักปรำใส่ร้ายมีอยู่มากซึ่งตนจะเขียนหนังสือชี้แจงให้สังคมและประชาชนทราบต่อไป และตนยังมีข้อเสนอแนะแก่วงการแพทย์นิติเวชว่ากรณีนี้จะเป็นกรณีศึกษาแก่สังคมต่อไปอีกมาก เพราะศาลวินิจฉัยลงลึกไปถึงวิธีนิติเวชวิทยาซึ่งไม่เคยปรากฏมีมาก่อน
นายนพดลยังกล่าวต่อไปอีกว่า
จะไม่ยอมให้กระบวนการยุติธรรมจอมปลอมเกิดขึ้นแก่ประชาชนอีกด้วย และเปรียบเทียบคดีนี้เหมือนกับคดีของ โอเจ ซิมป์สัน และยังฝากไปยังประชาชนผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรมว่าสามารถมาติดต่อตนได้ ซึ่งตนพร้อมจะให้ความสนับสนุนหากไม่ได้รับความเป็นธรรม
-ฟ้องแพ่งเรียก 1 พันล้าน
ด้านคณะทำงานอัยการที่เข้าร่วมฟังคำพิพากษา กล่าวว่า จะขอคัดสำเนาคำพิพากษาเพื่อนำไปศึกษาร่วมกับคณะทำงานทั้งหมดว่าจะยื่นอุทธรณ์คดีหรือไม่ต่อไป โดยส่วนตัวยังไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาหลายประเด็น อาทิ เรื่องคราบเลือด และอื่นๆ
ต่อมาเวลา 14.30 น. นายนพดลได้เปิดบ้านธรรมวัฒนะแถลงข่าวขอบคุณทุกๆ ฝ่ายที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด สำหรับคดีที่ผ่านมานั้นตนเห็นว่าเป็นยุคที่มีการแทรกแซงจากทางรัฐบาล เพราะต้องการให้พ.ร.บ.กรมสอบสวนคดีพิเศษ ผ่านคณะรัฐมนตรี และตนยืนยันว่าจะฟ้องร้องพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์อย่างแน่นอน ซึ่งในตอนนี้ก็มีการฟ้องอยู่ และในเร็วๆ นี้จะมีการฟ้องอีกหนึ่งคดี คือให้การเท็จต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจะฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย 1,000 ล้านบาท และหลังจากชนะคดีก็จะนำเงินที่ได้ไปช่วยเหลือการกุศลทุกบาททุกสตางค์ สำหรับทางพล.ต.ต.โกสินทร์นั้นก็จะต้องมีการฟ้องอย่างแน่นอน และกำลังดูอยู่ว่าเข้าข่ายความผิดใดบ้าง คงต้องดำเนินการฟ้องร้องในเร็วๆ นี้ เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับตนเอง