สัปดาห์ที่ผ่านมาตนเดินทางไปต่างจังหวัด ก็มีผู้เล่าให้ฟังว่าขณะนี้กกต.ได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งก็เคยบอกว่าหากทำให้กกต.เป็นสีขาวไม่ได้ เป็นตัวอย่างที่ดีไม่ได้ก็ไม่สมควรมีองค์กรนี้ต่อไป ใครมาขอให้ช่วยเรื่องผลประโยชน์ไม่ควรทำ ซึ่งตนในฐานะกกต.บอกได้เลยว่า แม้แต่รับเงินแค่บาทเดียวก็ไม่มี กกต.เราจะต้องทำตัวเป็นกลาง สุจริตที่สุด
นายอภิชาต ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงว่าการเลือกตั้งจะสกปรกและจะมีการซื้อเสียงว่า
เข้าใจว่าประชาชนในบางที่ที่ไม่ใช่คนรวย เมื่อมีคนมายื่นประโยชน์ให้ก็รับไว้จนเกิดเป็นประเพณีสืบต่อกันมายาวนาน แต่หากประชาชนมีความเข้าใจ เงินเพียงเล็กน้อยก็ไม่น่าจะซื้อความเป็นคนได้ ซึ่งเมืองไทยจำเป็นต้องได้คนดีมาบริหารประเทศ ไม่ใช่คนที่เข้ามาแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว โดยเฉพาะในปีนี้เป็นปีมหามงคล ดังนั้นประชาชนน่าจะมีจิตสำนึกที่เห็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม
ประธาน กกต. ยังกล่าวถึง กรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองขึ้นเวทีปราศรัยและแกนนำพรรคพลังประชาชนไปหาเสียงปราศรัยหาเสียงที่จังหวัดบุรีรัมย์ว่า
เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของ กกต. เพราะเราเพิ่งได้ทราบข้อมูลจากสื่อมวลชน ซึ่งกกต.ต้องทำตามหน้าที่ แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหนก็ต้องพิจารณาจากหลักฐาน ทั้งจากซีดีและการเผยแพร่ข่าวสารของสื่อมวลชน เมื่อถามว่า จากหลักฐานเบื้องต้นที่ปรากฏว่าผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองแต่ยังมีความเคลื่อนไหวจะสามารถเอาผิดได้หรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า เรื่องนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะกฎหมายห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งเรื่องนี้ กกต.จะอาศัยกฎหมายลูกว่าด้วยกกต.มาพิจารณา เพราะจะมีผลบังคับใช้ต้นเดือนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งหาหลักฐาน คาดว่าเร็วๆ นี้คงเรียบร้อย ต้องรีบทำ เพราะเหลืออีกประมาณ 80 วันก็จะถึงวันเลือกตั้งแล้ว