ปชป.แฉ3พฤติกรรม ส.ว.ส่อทุจริตเลือกตั้งจี้กกต.จัดการด่วน
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 เมษายน 2549 16:50 น.
ปชป.ซัดรัฐบาลเล่นบท ศรีธนญชิน หาทางดันทุรังเปิดสภา เตรียมสรุปหาช่องดำเนินการทางกฎหมาย กกต.พร้อมแฉ 3 พฤติกรรมไม่ชอบมาพากลเลือกตั้ง ส.ว.จี้ กกต.ตรวจสอบด่วน ขณะเดียวกัน จวกรัฐอย่าสองมาตรฐานเล่นงานแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เผย แกนนำฝ่ายค้านร่วมหารือสถานการณ์การเมืองศุกร์ 21 เม.ย.นี้
วันนี้ (17 เม.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมแกนนำและคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรค เพื่อหารือถึงข้อมูลดำเนินคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ทำหน้าที่เป็นประธาน ว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคได้พิจารณาถึงการดำเนินการกับ กกต.อยู่พบข้อมูลหลายประการที่จะฟ้องศาลอาญาเอาผิดกับ กกต.ได้
ทั้งกรณีไม่ปฏิบัติการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จงใจหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คาดว่า ภายในสัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุปว่าจะดำเนินคดี กับ กกต.หรือไม่อย่างไร
รองโฆษกพรรค กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน พรรคได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากเกี่ยวกับพฤติการณ์ที่ไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ว.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 เม.ย.นี้ใน 3 กรณี คือ 1.มีการซื้อเสียงหลายรูปแบบ โดยที่ กกต.จังหวัด กกต.เขต ไม่เอาจริงเอาจังในการตรวจสอบ ปล่อยให้มีการซื้อเสียงอย่างมโหฬารมากกว่าการซื้อเสียง ส.ส. 2.มีการใช้อำนาจรัฐโดยให้เจ้าหน้าที่รัฐช่วยสนับสนุนให้กับผู้สมัคร ส.ว.บางคนอย่างโจ๋งครึ่ม โดยทำอย่างเป็นขบวนการตั้งแต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงจนถึงระดับล่าง และ 3.มีผู้สมัคร ส.ว.บางคนทำตัวเสมือนเป็นร่างทรงของนักการเมือง
ดังนั้น พรรคขอเรียกร้องให้ กกต.เอาใจใส่ตรวจสอบจัดการกับผู้สมัคร ส.ว.ที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยเฉพาะการซื้อเสียงที่เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย มิเช่นนั้น จะได้ ส.ว.ที่เป็นเพียงตรายาง ไม่มีความเป็นกลาง และไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำให้เป็นปัญหาต่อการปฏิบัติหน้าที่ในอนาคต
นายองอาจ ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะออกพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภา โดยใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 161 เป็นการเปิดสภาแบบรัฐพิธี ว่า เป็นแนวคิดแบบ ศรีธนญชิน เพื่อที่จะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้เปิดประชุมสภาให้ได้ ซึ่งพรรคขอให้ยุติการกระทำดังกล่าว มิเช่นนั้นจะเกิดผลร้ายต่อประเทศชาติ เพราะการเปิดสภาเพื่อเลือกนายกฯและการเปิดสภาแบบรัฐพิธีเป็นคนละเรื่อง
ส่วนกรณีที่พรรคไทยรักไทยพยายามตีความให้เปิดการประชุมสภานัดแรกภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันเลือกตั้ง โดยไม่นับวันที่ 2 เม.ย.แต่จะนับเอาวันสุดท้ายที่มีการเลือกตั้งที่อาจจะเป็นวันที่ 23 เม.ย.นี้ หรือวันที่ 30 เม.ย.ที่อาจจะมีการเลือกตั้ง ส.ส.อีกครั้งนั้น เป็นการตีความแบบสีข้างเข้าถู เพื่อต้องการเปิดประชุมสภาให้ได้โดยไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญและไม่ชอบธรรม เพราะตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนต้องให้มี ส.ส.ครบ 500 คน และเปิดประชุมสภาครั้งแรกภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันเลือกตั้ง เหมือนการเลือกตั้ง ส.ว.ที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่า ส.ว.ไม่ครบ 200 คน ไม่สามารถเปิดประชุมได้
ส่วนกรณีที่มีพยายามใช้อำนาจรัฐเข้าไปจัดการดำเนินกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเลือกปฏิบัติสองมาตรฐาน เพราะรัฐบาลพยายามชี้นำในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการอย่างเร่งรัดแบบกระเหี้ยนกระหือรือ แต่กรณีที่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและบริวาร ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีท่าทีเร่งรัดเอาผิด ดังนั้น อยากให้รัฐบาลดำเนินการตามกฎหมายในลักษณะเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติ ใครทำผิดกฎหมายต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม
นายองอาจ เปิดเผยด้วยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการติดต่อจากนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เพื่อนัดทานอาหารร่วมกันในวันศุกร์ที่ 21 เม.ย.นี้เวลา 12.00 น.ที่โรงแรมสยามซิตี้ โดยจะเป็นการนัดพบกันระหว่างหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้านเดิม 3 พรรค เพื่อหารือกันถึงสถานการณ์การเมืองและการดำเนินกิจการทางการเมืองร่วมกัน
ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ติดใจกรณีที่นายบรรหารไปทานหูฉลามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นสิทธิของนายบรรหารที่จะทำได้ ส่วนในช่วงที่ผ่านมาที่มีความวิตกกังวลนั้น เพราะเกรงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมาล็อบบี้ให้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง แต่ขณะนี้สถานการณ์การเมืองได้ผ่านช่วงดังกล่าวมาแล้ว ดังนั้น การที่นายบรรหารจะไปทานอาหารกับใครไม่ใช่เรื่องวิตกกังวล หรือเป็นปัญหาแต่อย่างใด
เมื่อถามว่า นายบรรหาร จะเลี้ยงหูฉลาม นายอภิสิทธิ์ เหมือนที่ทานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายองอาจ ตอบทีเล่นทีจริงว่า อาจเป็นหูหมูก็ได้