เติ้ง แนะ แม้ว เลือกร่างทรงเน้นเศรษฐกิจ หยุดรัฐบาลถังแตก
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 เมษายน 2549 14:25 น.
บรรหาร ชี้ นายกฯ นอมินี ต้องเก่งเศรษฐกิจ เพื่อมาแก้ปัญหาสภาพคล่องของรัฐบาลถังแตก พร้อมเตือน ทักษิณ เลิกพฤติกรรมทดแทนบุญคุณตั้งลิ่วล้อเป็น รมต. รับคุยเรื่องปลดล็อก 90 วัน ตอนกินหูฉลาม ติงรัฐอย่าดึงดันเปิดสภา เพราะเป็นเรื่องประหลาดเหมือนสภาโจ๊ก แขวะแนวคิด โภคิน ปฏิรูปการเมืองแบบสภาสนามม้า 2 ปี ก็ไม่เสร็จ แนะแก้เพียงบางมาตราจะดีกว่า ยัน ชท.ไม่มีการแทงกั๊กทางการเมือง มั่นใจฝ่ายค้านเข้าใจเตรียมหารือร่วมสัปดาห์หน้า
วันนี้ (17 เม.ย.) ที่พรรคชาติไทย นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพรรคว่า ที่ประชุมได้มีการพูดถึงการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาที่มีการเลือกตั้งในวันที่ 19 เม.ย.นี้ ซึ่งสมาชิกหลายคนได้พูดว่ามีการซื้อเสียงกันมากและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เองไม่รู้ว่าจะสนใจหรือไม่กับปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งการซื้อเสียงเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ในจังหวัดสุพรรณบุรีก็มี ส่วนการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 23 เม.ย.ใน 40 เขตเลือกตั้งไม่แน่ใจว่าจะได้ครบหรือไม่ ถ้าไม่ครบก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งอีกภายใน 30 วัน และถ้าไม่ครบอีกจะทำอย่างไร รัฐบาลเองก็ยึดในเชิงรัฐศาสตร์ที่ถือว่าครบไม่ครบก็เปิดสภาฯ ไปก็ต้องอยู่ที่ นายพิฑูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แต่คิดว่าอย่างไรก็คงจะต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
เมื่อถามว่า วิเคราะห์สถานการณ์เมืองอย่างไรในขณะนี้ โดยเฉพาะการซื้อเสียงในการเลือกตั้ง ส.ว.ที่ไม่แตกต่างกับการเลือก ส.ส.หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะการเลือกตั้งก็มีการซื้อเสียงทุกครั้ง ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เป็นเรื่องที่แก้ยาก อย่างบางคนไม่เคยมีผลงานอยากเป็นผู้แทนก็ต้องซื้อเสียง ส่วนประชาชนคิดแต่ว่าใครให้ประโยชน์อะไรก็รับ
หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า สาเหตุใหญ่ที่เกิดขึ้นมาจากรัฐบาลที่ไปด่วนยุบสภาโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบว่าปัญหาจะเกิดขึ้นแบบนี้ จะมาโทษพรรคฝ่ายค้านไม่ได้เพราะไม่ได้เปิดโอกาสให้เราเตรียมตัว แต่ก็ดีไปอย่างจะได้คิดถึงข้อบกพร่องว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นใดบ้าง อย่างเรื่องร้อยละ 20 ก็ควรที่จะแก้ไข อาจจะได้คะแนนเท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น ซึ่งได้พูดคุยกับนายกฯ ตอนรับประทานหูฉลาม ก็มีการคุยเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งก็เห็นด้วยเรื่องปลดล็อก 90 วัน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่สามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ เพราะเหตุการณ์แบบนี้ยังไม่เคยเกิด คงต้องดูต่อไป และรัฐบาลเองจะเปิดสภาก็เป็นเรื่องประหลาด เพราะสภาเป็นพรรคเดียว มันก็เหมือนสภาโจ๊ก
เชื่อว่าแนวทางที่นายโภคิน พลกุล (รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย) เสนอมา 2 ปีก็ไม่เสร็จ เพราะตอนสมัยผมทำยังใช้เวลาตั้งปีกว่า ขนาดมีแนวทางที่ชัดเจนและทำโดยเร็วที่สุด แต่ถ้าตั้งใจทำกันจริงๆ โดยแก้เพียงบางมาตรา ใช้เวลา 6 เดือนก็เสร็จแล้ว ไม่ต้องใช้รูปแบบสภาสนามม้า หรือตัวแทนองค์กรวิชาชีพ เพราะกว่าจะเลือกกัน 6 เดือนก็ยังไม่ได้ นายบรรหาร กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ไปรับประทานหูฉลามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หลีกออกมาจากตำแหน่ง คงมีเวลาพอสมควรนั่งทบทวนว่าใน 5 ปีที่ผ่านมามีข้อบกพร่องอะไรบ้าง ซึ่งทำให้แต่ละฝ่ายโจมตี ซึ่งควรจะทบทวนแก้ไข การทำงานบางอย่างที่บอกว่าศูนย์รวมอำนาจอยู่ที่นายกฯ ตรงนี้ต้องแก้ไข รวมทั้งยอมรับในสิ่งที่ได้ทำผิดพลาด แต่จะมีการรับประทานอาหารร่วมกันอีกหรือไม่ ไม่รู้ ต้องรอให้ท่านเดินทางกลับมาก่อน อย่างไรก็ตาม จะชี้แจงเรื่องรับประทานดังกล่าวกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในสัปดาห์หน้า
เท่าที่พูดคุยรู้สึกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กระปรี้กระเปร่าดีกว่าตอนอยู่ในตำแหน่ง เพราะท่านถอยมาอย่างนี้ ความคิดความอ่านคงจะดีขึ้น และผมเองก็ไม่ได้มุ่งหวังว่าท่านจะเชื่อผม เพียงแค่บอกเล่าเก้าสิบเท่านั้นว่าจะแก้ไขอย่างไร และขอปฏิเสธข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคชาติไทยแทงกั๊ก เพราะคนรู้จักกันมา 30 ปี จะไม่ให้พบกันหรือกินข้าวด้วยกันเลยคงไม่ได้ ซึ่งผมก็ได้บอก พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเรื่องการเมืองก็คือเรื่องการเมือง ผมอยู่ฝ่ายค้านก็ต้องอยู่ปีกฝ่ายค้าน จะให้ผมไปลงสมัครเลือกตั้งในเขตที่ว่างก็คงไม่ได้ ร่วมรัฐบาลก็ไม่เอา และผมเองก็ได้โทรศัพท์บอกฝ่ายค้านในเรื่องนี้แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร เข้าใจกันดี นายบรรหาร กล่าว
หัวหน้าพรรคชาติไทย ยังเปิดเผยอีกว่า ในการร่วมรับประทานอาหารได้แนะนำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกพรรคไทยรักไทยให้มากขึ้น ขณะเดียวกันได้ชี้ให้เห็นว่า รัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีคุณสมบัติไม่เพียงพอ และไม่สมควรที่จะให้กลับมาเป็นรัฐมนตรีอีก เช่น รัฐมนตรีบางคนที่มีพฤติกรรมผาดโผน ล้ำหน้า ก็ไม่ควรตั้ง และไม่ควรคำนึงถึงการทดแทนบุญคุณก็ควรจะจบได้แล้ว ขณะเดียวกัน การตั้งว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ (นอมินี) จะต้องมีความสามารถทางด้านเศรษฐกิจ เพราะต้องเข้ามาแก้ปัญหาสภาพคล่องในขณะนี้ที่รัฐบาลก็ไม่มีเงิน อีกทั้งราคาสาธารณูปโภคที่ขยับตัวสูงขึ้นทุกอย่าง รวมถึงอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ในการดำเนินการโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หรือเมกะโปรเจกต์ก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าสมควรจะทำหรือไม่
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรค การเลือกนายกฯคนใหม่จะฟังเสียงกระแสสังคมหรือสมาชิกพรรคมากกว่ากัน นายบรรหาร กล่าวว่า ขณะนี้ตนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเลือกนายกฯ ได้ ถ้าอยู่ในฐานะนั้นจะตอบคำถามอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามถึง นายเสนาะ เทียนทอง แกนนำกลุ่มวังน้ำเย็น และอดีตเลขาธิการพรรคชาติไทย ได้ตั้งพรรคประชาราช นายบรรหาร กล่าวว่า มีพรรคการเมืองหลายพรรคเป็นเรื่องที่ดี จะได้ช่วยกันทำการเมือง