ประวัติ ผบ.ทบ. คนที่ 36

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา


เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2492 ชื่อเล่น ป็อก หนึ่งในทหารผู้ก่อการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 โดยขณะนั้น พล.อ.อนุพงษ์ อยู่ในยศ พล.ท. และเป็นแม่ทัพกองทัพภาคที่ 1 ถูกมองว่าแม้จะเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 10 (ตท.10) เหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคพวก แต่กลับไม่เข้าร่วมหรือเห็นดีเห็นชอบด้วยกับการกระทำของกลุ่ม จึงถูกมองว่าเป็นฝ่ายต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วย

ในคืนเกิดเหตุรัฐประหาร พล.ท.อนุพงษ์ เป็นผู้ดำเนินการ

เพราะกองทัพภาคที่ 1 มีขอบเขตหน้าที่ดูแลกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่น ๆ ในภาคกลางอยู่แล้ว โดยใช้แผน " ปฐพี 149 " โดยวางกำลังเป็นจุด วางเป้าหมาย รวมถึงจัดกำลังจากหน่วยทหารต่าง ๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย และมีกองกำลังจากกองทัพภาคที่ 3 ของ พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร เป็นฝ่ายประสาน โดยการดำเนินการครั้งนี้กระทำด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังอย่างที่สุด เพราะเป็นการเดิมพันด้วยชีวิต หากการไม่สำเร็จก็จะกลายเป็นกบฏในทันที


หลังจากเหตุการณ์ พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ได้เลื่อนยศเป็น พล.อ. ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก หรือที่เรียกว่า 5 เสือ ทบ. และดำรง


และดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ คู่กับ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร และเป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ คมช. สำหรับประวัติรับราชการ อยู่ในเส้นทางเติบโตจาก ทหารเสือราชินี กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) เริ่มจากเป็น พ.ท.ในตำแหน่งผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.21 พัน 1 รอ.) พ.อ.ในตำแหน่งเสนาธิการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (เสธ.ร.21 รอ.) และเป็นรองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (รอง ผบ.ร.21 รอ.) เป็น พ.อ. (พิเศษ) ในตำแหน่งผู้บังคับ การกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.21 รอ.)

ก่อนจะขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (รอง ผบ.พล. ร.2 รอ.) และเป็น พล.ต.ในตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) และข้ามมาเป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ. พล.1 รอ.) เมื่อปี 2547 ถูกขยับเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และปี 2548 เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และ

ปัจจุบัน ปี 2550 ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คนที่ 36


โดยจะเกษียณอายุราชการในปี 2553 พล.อ.อนุพงษ์ จบปริญญาโทจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 26

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์