ป๋าเหนาะลั่นพร้อมนั่งหัวโต๊ะพรรคประชาราช-แย้มทรท.ซบเพียบ
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 16 เมษายน 2549 17:15 น.
เสนาะเตรียมคัมแบ็ค ลั่นพร้อมเป็นหัวหน้า พรรคประชาราช เผยอดีต รมต-ส.ส.-ส.ว. สนใจร่วมพรรค แย้ม เด็กทรท. เตรียมซบเพียบ จวกกกต.-ศาลรธน.กำลังหลงทางอย่าใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง วอนทุกฝ่ายร่วมปฎิรูปการเมือง ย้ำสื่อต้องกล้าเปิดโปงคนโกงชาติ
วันนี้(16เม.ย.) ที่บ้านพรรคเมืองทองธานี นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้ากลุ่มวังน้ำเย็น กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่าวันสงกรานต์เป็นวันของการกตัญญูเป็นวันรำลึกบุญคุณตามแบบไทยๆวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันที่สอนให้ยึดมั่นในความรักความสามัคคีมีการอภัยให้กัน แต่พอปัจจุบันขาดสิ่งเหล่านี้ไปแม้กระทั่งกฎหมายก็ยังไม่เคารพกฎหมาย นอกจากไม่มีจริยธรรมแล้วกฎเกณฑ์อะไรก็ยังแหกคอกนับวันที่จะทำให้บ้านเมืองแย่หนักกกว่าเก่า ปัญหาของบ้านเมืองในขณะนี้มีมากมาย ถึงจะปีใหม่แล้วและอวยพรกันมากกมายยังไงบ้านเมืองก็ยังไม่พ้นจากวิกฤตอยู่ดี แต่เราก็หวังว่าหลังสงกรานต์ไปแล้ว คนที่เห็นแก่ตัวและยังมีอำนาจอยู่ก็น่าจะคิดได้วิกฤตของบ้านเมืองตอนนี้ไม่เคยว่าจะรุนแรงขนาดนี้ จากคนๆเดียวคนกลุ่มเดียวที่ไปทำผิดบ้านผิดเมืองและไม่ยอมรับผิดยังดันทุรังจนทำให้เกิดวิกฤต
นายเสนาะ กล่าวว่า ตนพูดอยู่เสมอว่าการจนตรอก หรือทางตันนั้นจะเกิดกับคนจะไม่เกิดกับประเทศชาติ แต่มาถึงวันนี้มันชักจะถึงทางตันซึ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อน วิกฤตที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทำให้บ้านเมืองเสียหาย อับอายไปทั่วโลก ดังนั้นอยากวิงวอนทุกฝ่ายที่ทำอะไรผิดบ้านผิดเมือง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่มาจากการสรรหาอะไรที่ทำแล้ว ทำให้วิกฤตบ้านเมืองดีขึ้นก็ควรจะทำ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าหน่วยงานไหน มีไม่มีคนแต่มีอำนาจมากมาย โดยเฉพาะคนที่มีอำนาจสรรหาคนเข้ามาปกครองบ้านเมือง อย่าหลงทาง เอาอำนาจที่มีอยู่ไปเข้าข้างสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งมี 2-3 หน่วยงาน คือ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ ที่ควรคิดให้ถูกต้อง
นายเสนาะ กล่าวว่า เหตุการณ์ในบ้านเมืองขณะนี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงกฎ กติกา ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากคนเรารู้จักฟังกันจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมามีการเขียนรัฐธรรมนูญให้วุ่น ซึ่งตนเคยเตือนไว้แล้ว แต่นักวิชาการใจทรามก็เอาไปตีความบิดเบือน ถ้าวันนี้ยังให้อำนาจคนมาบังคับคนอื่น ใครมีอำนาจก็เป็นเทวดามากอบโกยผลประโยชน์ประเทศชาติ ใช้กฎหมายตรงนี้ก็แย่ เราเรียกร้องให้ปฏิรูปจนตาย หากใช้คนมีแต่วุฒิสูงๆ แต่ขาดภาวะความรับผิดชอบทุกอย่างก็เหมือนอีหรอบเดิม
ผมคิดว่าปฏิรูปไม่ยาก ไปเอารัฐธรรมนูญเก่าๆ มาปัดฝุ่น แล้วใส่กฎเหล็กเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นลงไป อย่าให้อำนาจคนๆเดียวมากมาย รวมทั้งองค์กรอิสระต่างๆ เช่นกัน อะไรที่ผิดพลาดจะมองเห็นเลย ถ้าจะปฏิรูปกันจริงๆ ไม่ถึง 3 เดือนหรือ 3 อาทิตย์ก็เสร็จแล้ว อะไรดีๆก็เอามา แล้วอย่ามาบอกว่าการปฏิรูปเป็นการถอยหลังลงคลอง เพราะปัจจุบันพากันไปลงเหวอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่ถึงก้นเหวเท่านั้นเองนายเสนาะ กล่าว
นายเสนาะ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนไปไหนคนก็ด่าว่านักการเมืองเข้ามาโกงกินแล้วก็ไป คนพวกนี้ได้รับการปกป้องจากสื่อใหญ่ๆ ที่อุ้มพวกนี้อยู่ ไม่รู้เวรกรรมอะไรของบ้านเมือง แม้แต่นักวิชาการใหญ่ๆก็บิดเบือนกฎหมาย คนเก่งๆ จะอุ้มคนพวกนี้ ดังนั้นปีใหม่ไทยปีนี้ อยากให้สื่อมวลชนลงให้ชัด เพราะนักวิชาการใหญ่ๆ ที่ออกมาพูดตนไม่รู้ว่าไปถูกของอะไรมาแล้วไปปกป้องโจร ซึ่งคนธรรมดาพูดสื่อก็ไม่ค่อยจะลง ขณะนี้สื่อถูกครอบงำจนประชาชนข้างล่างรู้น้อยมาก เห็นได้จากการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา ซึ่งพรรคการเมืองบางพรรคจะถูกต่อต้านจากคนเมือง กรณีดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์ว่าต่อให้มีเงินมาก ก็ไม่มีความสุข เหมือนคนตายแล้ว ถ้าทำดี 20 ปียังมีคนพูดถึง แต่ที่เป็นอยู่ไม่ตายก็เหมือนตาย ไปไหนเขาก็มองภาพในทางเสียหาย ต้องมาเสียใจ เสียดาย ผิดหวังไปอีกนาน
นายเสนาะ กล่าวอีกว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญอยากให้สื่อมวลชนและฝ่ายต่างๆได้ช่วยกันคิด อย่าไปให้อำนาจคนมากเกินไป ไม่ใช่ใครมาเป็นนายกฯ แล้วให้อำนาจทุกอย่าง พอเป็นนายกฯ ถูกคนจับได้ก็มีอำนาจยุบสภา หรือมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจกันแทบตายก็ยุบสภาหนี อย่างนี้ไม่ถูกต้อง ประเด็นใหญ่คือการคอร์รัปชั่นและการสร้างภาพต่อนโยบายการตลาด สื่อมวลชนก็เชียร์ โกหกทั้งนั้น ท้ายที่สุดนโยบายก็ไม่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พรรคการเมืองมีเยอะ แต่กลายเป็นพรรคอะไหล่รับจ้างสมัคร ตั้งแต่เล่นการเมืองมาตนก็เพิ่งเคยเห็น แชมป์ไม่มีคู่ต่อสู้ไม่ใช่ต่อยเก่ง อาศัยโกงเก่ง มิหนำซ้ำยังมีกรรมการคอยช่วย อย่างนี้ไม่ไหว ตนกำลังเป็นห่วงการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ถ้าใช้ระบบนี้ก็เจ๊งอีก รัฐบาลไหนครอบงำ ส.ว.ได้ก็เจ๊ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รัฐบาลดึงดันที่จะเปิดสภา นายเสนาะ กล่าวว่า ก็รั้นเหมือนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ทั้งที่ความพร้อม ความถูกต้องไม่มี หากรัฐบาลดึงดันมันยุ่งอยู่แล้ว เพราะคนไม่รู้กี่ล้านคนจ้องอยู่ คนเหล่านี้จะต้องออกมาด้วยจิตวิญญาณและความรับผิดชอบ สิ่งที่จะเกิดกับบ้านเมืองคือความเสียหายย่อยยับ ยืนยันว่าพรรคไทยรักไทยและ กกต.ที่ดันทุรังให้มีการเลือกตั้ง ทั้งที่ไม่ถูกต้อง ก็เหมือนกับการชนะศึกแต่แพ้สงคราม ซึ่งที่ผ่านมาก็มีให้เห็นเยอะแยะ ในที่สุดทุกอย่างก็วุ่นวาย เราจะปล่อยให้บ้านเมืองแย่ไปกว่านี้หรือ ดังนั้นตนอยากให้คนไม่กี่คนไปคิดดู อะไรที่ทำให้เกิดความเรียบร้อยทำซะ
ต่อข้อถามว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศเว้นวรรคถือว่าเพียงพอหรือไม่ นายเสนาะ กล่าวว่า ตนไม่ขอพูดถึงตัวบุคคล แต่ระบอบอะไรก็ตามที่ผ่านมา ตนขอโทษรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เพราะในขณะนั้นพรรคไทยรักไทยยังไม่เกิด แต่เมื่อเข้ามามีอำนาจกลับมีการเอาคนที่เขียนรัฐธรรมนูญมาเป็นเครื่องมือในการปล้นชาติ ปล้นแผ่นดิน เอาผู้แทนฯเป็นทาสแล้วออกเป็นมติ จะทำอะไรก็ได้ หากไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ส.ส.ที่เข้าไปก็เข้าไปเป็นทาสคนกลุ่มเดียวเหมือนเดิม
นายเสนาะ กล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญปี 2517 ปี 2521 หรือฉบับแก้ไขปี 2535 ก็ยังใช้ได้ดี ดังนั้นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมีขึ้น อะไรที่ยังใช้ได้ดีก็ควรเอาไว้ อะไรไม่ดีก็ควรเอาออกไป มาปัดฝุ่นกันใหม่แล้วใส่กฎเหล็กลงไป เรื่องการบริหารประเทศชาติบ้านเมืองที่ส่วนใหญ่ร่างโดยนักกฎหมาย ที่ทำให้เกิดช่องโหว่ ตีความให้เกิดประโยชน์ ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญควรเอาฉบับเก่าๆมาวิเคราะห์วิจารณ์กัน และเขียนกันคนพลิ้วไปตีความเป็นอย่างอื่น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าที่ผ่านมาตนไม่เคยต่อรองอะไร สิ่งที่ตนต่อรองคือการเตือนว่าอย่าทำในสิ่งที่ผิดบ้านผิดเมือง อะไรที่เกินเลยไปตนก็ต้องพูด
เมื่อถามถึงการตั้งพรรคประชาราช นายเสนาะ กล่าวว่า ตอนนี้พวกน้องๆ ได้คิดเรื่องนี้ ส่วนตนยังไม่ได้คิดอะไร เพราะอายุมากแล้ว แต่เมื่อการเมืองตีบตันพวกน้องๆ ก็คิดกันว่าขอให้ป๋าอย่าเพิ่งวางมือ ดังนั้นที่ตนคิดจะวางมือคงจะมาเป็นหลักให้อีกที เพื่อรวบรวมผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ตั้งแต่ระดับใหญ่สุดมาจนถึงรุ่นเล็กเพื่อมาช่วยกัน และได้ให้นโยบายไปว่าจะต้องเป็นพรรคไม่มีเจ้าของ ไม่ใช่พรรคป๋าเหนาะ แต่เป็นพรรคของประชาชน ซึ่งอาจจะเชิญสื่อมวลชนมาร่วมด้วย ส่วนการเปิดตัวพรรคประชาราชขณะนี้ไม่ได้กำหนดวันและเวลา ขอให้ปฏิรูปการเมืองเสร็จก่อน ถ้ายังใช้รัฐธรรมนูญก็คงไม่เปิดตัวพรรค เพราะมันฝืนกับความรู้สึก
ต่อข้อถามถึงความตั้งใจที่จะให้พรรคประชาราชเติบใหญ่ นายเสนาะ กล่าวว่า ไม่ได้หวังให้เป็นพรรคใหญ่ แต่คิดว่าพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเจตนาดีทั้งนั้น อยู่ที่คนจะเข้ามามีอุดมการณ์ร่วมกัน เมื่อรวมกันเป็นทีมเวิร์ค เหมือนทีมฟุตบอล ประกอบด้วยใครบ้างและดูว่าจะนำพาประเทศชาติไปทางไหน ไปได้หรือไม่เมื่อประชาชนมอบความไว้วางใจ ดังนั้นอยากให้มองดูที่ตัวบุคคล อย่าไปมองคนเก่งอย่างเดียว เพราะคนเก่งในบ้านเมืองมีเยอะแยะ ที่สำคัญคือข้าราชการ ไม่ว่านโยบายจะดีขนาดไหน หากข้าราชการไม่สนองตอบจะเป็นรูปธรรมไม่ได้ ดังนั้นคนที่จะมาเป็นผู้บริหารจะต้องมีลักษณะการเป็นผู้นำเป็นสิ่งสำคัญที่สุด รวมทั้งมีวุฒิภาวะ สุจริตเที่ยงธรรม ใช้คนให้เป็น จะมาเก่งคนเดียวไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึง คนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาราช นายเสนาะ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดกัน ถ้าสมมติว่า ไม่มีใครในจุดสตาร์ท ป๋าอาจจะจุดสตาร์ทให้ แต่ไม่ใช่ว่าหัวหน้าพรรคจะต้องเป็นนั่นเป็นนี่ ตนจะเป็นเพียงจุดสตาร์ทในการรวบรวมผู้คนมาร่วมกัน ซึ่งอาจเป็นหัวหน้าพรรคชั่วคราว เมื่อมีการประชุมใหญ่พรรคก็ค่อยมาว่ากันอีกที เมื่อถามว่าได้มองใครเอาไว้หรือไม่ นายเสนาะ กล่าวว่า เยอะ ทั้งผู้ใหญ่ นักวิชาการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการให้สัมภาษณ์วันนี้ นายเสนาะได้อวยพรสงกรานต์แก่สื่อมวลชน ขอคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องบ้านเมือง ขจัดเสนียดจัญไรให้พ้นไป คนเลวหมดอำนาจไปโดยเร็ว พร้อมกับ แจกหนังสือ รู้ทันทักษิณ 4 ให้กับสื่อมวลชน โดยหนังสือดังกล่าวมีจำนวนหลายพันเล่มซึ่งวางอยู่ในห้องประชุมกลุ่มวังน้ำเย็น และในบริเวณใกล้ๆกับกองหนังสือดังกล่าว ได้มีใบสมัครสมาชิกพรรคประชาราชกว่า 30,000 แผ่น วางอยู่ใกล้ๆ โดยมีสโลแกนว่า ไทยวัฒนา ประชาเป็นสุข ทำให้สื่อมวลชนสนใจถ่ายภาพและสอบถามรายละเอียดในเรื่องนี้
โดยนายบุญถึง ผลพาณิชย์ แกนนำกลุ่มวังน้ำเย็น กล่าวถึงที่มาของพรรคประชาราชว่า ได้มีการยื่นจดทะเบียนต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค. 2548 และกกต.ได้อนุมัติจัดตั้งพรรคเมื่อวันที่ 10 ม.ค.2549 โดยหัวหน้าพรรคเป็นเลขาฯของตนที่ไปยื่นจดทะเบียน สำหรับชื่อพรรคประชาราชหมายถึง ประชาชนผู้มีความจงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ ส่วนสัญลักษณ์ของพรรคซึ่งเป็นเปลวเทียนสีแดง หมายถึง พลังอันบริสุทธิ์ของประชาชน
ตอนนี้รอดูสถานการณ์บ้านเมืองก่อนที่จะมีการเปิดตัว ยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาราชจะลงสมัครรับเลือกตั้งแน่นอน ซึ่งขณะนี้ได้มีการพิมพ์แบบฟอร์มใบสมัครสมาชิกพรรคจำนวน 100,000 แผ่นแจกจ่ายไปทั่วประเทศ ซึ่งมีหลายคนสนใจสมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้วนับหมื่นคน โดยมีบุคคลจากทุกสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นอดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ว. อดีต ส.ส. นักธุรกิจและข้าราชการ ให้ความสนใจเยอะมาก เช่น นายพิเชษฐ์ พัฒนโชติ ที่พูดทำนองว่า สนใจแล้วจะได้ลงสมัครที่โคราชหรือไม่ ส่วนนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ก็ได้ไปทาบทามแล้วและพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศให้กับพรรคนายบุญถึงกล่าว
นายบุญถึง กล่าวต่อว่า พรรคประชาราชจะไม่เน้นปริมาณสมาชิกพรรค โดยจะเชิญอดีตข้าราชการหรือผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ โดยต้องมีคุณสมบัติ 3 ประการคือ 1. เป็นคนที่สังคมยอมรับ ซื่อสัตย์ 2.เชี่ยวชาญในสาขาอาชีพนั้นๆ 3. ถ้าคิดจะเป็นนักการเมือง ซึ่งอาจเป็นถึงผู้บริหารประเทศจะต้องเข้าใจหัวอกของประชาชน และเข้าใจปัญหาประชาชน ซึ่งพรรคจะเน้นการทำงานที่เป็นทีม ไม่ใช่บุคคลหนึ่งบุคคลใด
แกนนำผู้ก่อตั้งพรรคประชาราช เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้มีแกนนำและว่าที่ ส.ส.พรรคไทยรักไทย หลายคนโทรศัพท์มาสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการตั้งพรรคใหม่ โดยบางคนระบุว่าเมื่อพรรคมีการเปิดตัวเมื่อไหร่ ก็พร้อมที่จะมาร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองในนามพรรคประชาราช