ที่คาดว่าจะเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ในพื้นที่ภาคกลาง และเหนือ ทยอยเดินทางมาถ่ายรูป รายงานตัวกับทางพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ (4 ก.ย.) มีผู้ที่คาดว่าจะเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ในพื้นที่ภาคกลาง และเหนือ ทยอยเดินทางมาถ่ายรูป รายงานตัวกับทางพรรค โดยส่วนใหญ่จะใส่สูท ผูกเน็กไทสีเหลือง โดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า เวลา 14.00 น. วันนี้ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน จะเดินทางมาร่วมประชุมกับผู้ที่คาดว่าจะเป็นผู้สมัคร ส.ส.ด้วย อย่างไรก็ตาม คงยังไม่ถึงขั้นที่จะได้ตัวผู้สมัคร ส.ส.ที่ชัดเจน แต่น่าจะได้ตัวผู้ประสานงานในแต่ภาคก่อน ซึ่งจะทำหน้าที่เหมือนกับประธานภาค
ด้านนายสุธรรม แสงประทุม อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการหาตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ว่า
วันนี้ จะมีการคัดเลือกบุคคลลงรับสมัครในเขตต่าง ๆ โดยจะดูจากบุคคลที่มีเจตจำนงจะลงสมัครในพื้นที่ และเป็นบุคคลที่ประชาชนยอมรับ รักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยจะดูจากอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยในแต่ละพื้นที่ ที่ยังคงมีศักยภาพเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้มีอยู่ประมาณ 300 คน ขณะเดียวกัน ต้องให้โอกาสกับผู้สมัครที่มาจากพรรคพลังประชาชนเดิมด้วย เพราะอยู่ในระหว่างหลอมรวมเป็นพรรคเดียวกัน
“ผมมั่นใจว่า ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประชาชนจะให้การยอมรับพรรคพลังประชาชน แม้ว่าจะมีอดีต ส.ส.หลายคนย้ายไปสังกัดพรรคอื่นก็ตาม” นายสุธรรม กล่าว
สำหรับการคัดเลือกผู้สมัครในพื้นที่ภาคใต้ นายสุธรรม กล่าวว่า
จะมีการคัดเลือกในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ย.) ส่วนจะมีกลุ่มภาคใต้ของพรรคสันติภาพไทย ที่มีนายพิเชษฐ สถิรชวาล ที่ปรึกษาพรรคสันติภาพไทย เข้าร่วมด้วยหรือไม่นั้น ต้องประสานงานกันอีกครั้ง นายพิเชษฐ เป็นสมาชิกเดิม ที่เคยร่วมทำงานกับพรรคไทยรักไทย เพียงแต่ประสบอุบัติเหตุทางการเมือง ทำให้ต้องให้หยุดไป ถือเป็นคนรู้จักกันดี ดังนั้น เกณฑ์การคัดเลือกผู้สมัคร จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นายสุธรรม ยังกล่าวถึงกฎอัยการศึกด้วยว่า มีความจำเป็นต้องมีการยกเลิกในบางพื้นที่
ที่ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับความไม่สงบ หรือความรุนแรง เหมือนกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ผ่านมาการคงกฎอัยการศึกไว้ มีผลกระทบต่อการลงพื้นที่หาเสียง หรือทำกิจกรรมทางการเมือง ทั้งนี้ เห็นว่าการทำให้ประชาธิปไตยเดินหน้าได้ ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น และทำกิจกรรมต่าง ๆ และว่า การที่กลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ต้องการเข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้งในประเทศไทย อาจเป็นเพราะการคงกฎอัยการศึกไว้