ซินแสผ่าดวงการเมืองไทย จะมีนารีขี่ม้าขาว-ปี61ไม่เลือกตั้ง!!

ซินแสเข่งทำนายดวงชะตา"ปู"หนีเป็นการไถ่บาปแก้วิบากกรรม ด้าน"หมอนิด กิจจา"ฟันธงปี 61 ไม่มีเลือกตั้ง แต่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จะเห็นนารีขี่ม้าขาว คนไทยจะพอใจทั้งประเทศ... 

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. นายชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง หรือ ซินแสเข่ง หมอดูเข็มทิศทองคำ เปิดเผยกับ "เดลินิวส์ออนไลน์" ว่า ดวงชะตาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังไม่มาฟังคำพิพากษาของศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีจำนำข้าว ว่า หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่หลบหนี เอาตัวรอด เชื่อได้ว่า เมื่อมีการพิจารณาโทษ ประชาชนที่เตรียมการมาก็คงรับไม่ได้ พร้อมที่จะก่อเหตุ ความรุนแรงเกิดขึ้น อาจต้องมีประชาชน ล้มตายเป็นจำนวนมาก และก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างแน่นอน เหมือนเป็นการไถ่บาป ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แก้ชะตากรรมของตนเองก่อนเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมพิจารณาโทษ กับวิบากกรรมที่จะเกิดขึ้น จนต้องตกมาถึง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ที่ช้ำหนักกับวิบากกรรม รวม 42 ปี พร้อมกับการยึดทรัพย์ และทีมรัฐมนตรี ที่ต้องรับโทษ ต่างวาระ ต่างกรรม อย่างไรก็ตามที่สำคัญที่สุด ส่งผลถึงแนวทางการเมืองของ "ตระกูลชินวัตร" กับการบริหารพรรคเพื่อไทยในอนาคต อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามวาระดวงชะตาของตระกูลชินวัตร ว่า อนาคตทางการเมืองในการบริหารพรรคเพื่อไทย ต้องแตกแยกเพราะขาดผู้สืบทอดของตระกูลชินวัตร

ซินแสเข่ง ได้วิเคราะห์ดวงชะตา ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า เป็นผู้หญิงที่มีความอ่อนไหว ในอารมณ์คล้อยตาม และจิตใจที่มีความวุ่นวายในชีวิตของตนเองและเรื่องของผู้อื่น แต่พื้นฐาน มีความทะเยอทะยาน กล้าได้กล้าเสีย ใจใหญ่ และดวงชะตามีผลเป็นลบที่จะมีปัญหาสร้างความขัดแย้งในตนเอง และสร้างความเป็นศัตรูให้เกิดขึ้น ทั้งการกระทำของตนเองและกระทำต่อผู้อื่น ก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจทั้งในด้านความคิดและจิตใจ มีความสวนทางกันอยู่ตลอดเวลา ก่อให้เกิดความสับสน สร้างความลังเลและความไม่มั่นใจให้กับชีวิตของตนเอง  เพราะฉะนั้น ในวาระสุดท้ายของชีวิต อดีตนายกรัฐมนตรี ก็คงเป็นไปตามวิถีชีวิตกรรม ถ้าไม่สร้างปัญหาความขัดแย้งให้กับตนเอง ก็จะไม่ประสบปัญหากับชีวิต แต่ถ้าจะทำให้ชีวิตเป็นศัตรู ก่อให้เกิดคดีความและสร้างปัญหา ความสับสนก่อให้เกิดการพลัดพรากจากที่อยู่อาศัยจากที่หนึ่งไปอยู่อีกที่หนึ่ง และมีดวงชะตาที่ต้องคดีความ ทำให้ชีวิตอาจติดคุกติดตะราง หรืออาจต้องพลัดพราก จากถิ่นฐานบ้านเกิดของตนเองไปอยู่ในต่างถิ่น นั่นเป็นเพราะชะตากรรมของชีวิตที่อาจจะหลบเลี่ยงได้จากการกระทำของตนเอง ถึงแม้นว่าดวงชะตาจะไม่รุนแรงเท่ากับพี่ชายมากนักก็ตาม แต่ดวงชะตาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่พ้นจากผลที่ตนได้กระทำในการเข้าสู่การเมือง

"ดวงชะตาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ต่างกับ ดวงชะตาของพี่ชาย คือ คุณทักษิณ ชินวัตร ที่มีดวงชะตาแตกแยก พลัดพราก และตายจาก ในช่วงปี 2561 เป็นปีที่เบียดเบียนให้เดือดเนื้อร้อนใจ มีเรื่องวิตกกังวลให้เกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 63 64 65 อีกทั้งสร้างความขัดแย้ง ก่อให้เกิดความเป็นศัตรู ก่อให้เกิดความรุนแรง และยังมีเรื่องของความขัดแย้งแตกแยกในสังคม ก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจ ถึงแม้ในดวงชะตาของทั้งสองพี่น้องในตระกูลชินวัตรจะมีรากฐานการเงิน ทรัพย์สินมั่นคงขนาดไหนก็ตาม แต่ก็คงไม่พ้นที่จะทำให้ทรัพย์สินนั้นต้องสูญสิ้นเพราะบริวารในอนาคต 

จากนี้ไปการเมืองของเมืองไทยก็คงจะต้องถือว่าอาจจะยังไม่นิ่งเท่าที่ควร หรืออย่างที่เรียกว่าสงครามยังไม่จบ เพราะเหล่าบรรดานักการเมืองต่างก็เรียกร้องประชาธิปไตย แต่เหล่าบรรดานักการเมืองที่อยู่ในเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็น คุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์ คุณสุดารัตน์ คุณอภิสิทธิ์ หรือ คุณสุเทพ ต่างก็มีชีวิตที่ไม่ประสบความสำเร็จในด้านของการเมืองในอนาคต ในยุคปี 60 และ 61 ที่คิดจะเข้ามาสู่ยุคการเมือง หรือบริหารประเทศ ก็คงเป็นไปได้ยาก" ซินแสเข่ง กล่าว และว่า เพราะปัญหาที่มีอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2561 ตลอดทั้งปีมีผลกระทบ จากบุคคลดังกล่าว และถ้าหากว่ามีการเลือกตั้ง ในอนาคต ที่จะเข้าสู่ประชาธิปไตย เชื่อได้ว่าความวุ่นวายเกิดขึ้นแน่นอน และทางด้านฝ่ายทหารก็ยังคงต้องทำหน้าที่ สืบทอดอำนาจต่อไปในการบริหารประเทศ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ

ส่วนดวงชะตาของผู้นำ เท่าที่ตรวจสอบ ไม่มีดวงของ บุคคลใด จะมีดวง การเป็นผู้นำ เพราะของแต่ละบุคคลนั้นมีผลกระทบในเรื่องของความเดือดเนื้อร้อนใจไม่ว่าจะเป็น คุณอภิสิทธิ์   คุณสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ และอีกหลายคน เพราะว่าในปี 2561 เป็นปีจอ ธาตุดิน เพราะฉะนั้นดวงผู้นำที่จะเข้ามาสู่ในยุคของปีต่อไป ก็ยังคงเป็นดวงชะตาของพล.อ.ประยุทธ์

ด้านหมอนิด กิจจา ทวีกุล หมอดูชื่อดังในการทำนายทายทักดวงเมืองและเหตุการณ์การเมือง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า  ปี 2561 จะไม่มีการเลือกตั้ง และไม่นานจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเห็น นารีขี่ม้าขาว คนไทยจะพอใจทั้งประเทศ

CR:::dailynews.co.th