องอาจ จี้ กกต.อย่าให้อียูก้าวก่ายเกินผู้สังเกตการณ์

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการเตรียมการเลือกตั้งครั้งใหม่ว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การกำหนดวันเลือกตั้ง จะมีความชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เมื่อกฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับ ผ่านการพิจารณาแล้วเสร็จ ซึ่งเราไม่ติดใจเรื่องวันเลือกตั้ง เชื่อว่า ช้าที่สุด คือกลางเดือน ม.ค.เพราะกฎหมายกำหนดให้จัดเลือกตั้งให้แล้วเสร็จใน 90 วัน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีคณะกรรมการที่พิจารณากฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับ ซึ่งจากร่างที่ได้เห็น มีหลายเรื่องที่ยากต่อการปฏิบัติ และบางเรื่อง อาจเปิดช่องให้เกิดการตีความได้ง่าย ซึ่งกฎหมายที่ไม่มีความชัดเจนเป็นรูปธรรมจะเกิดปัญหาต่อการเลือกตั้งและพรรคการเมือง จึงอยากเรียกร้องให้พิจารณาบางเรื่องที่ยังมีลักษณะเป็นนามธรรม เช่น การใช้คำว่า “ความรู้สึก” ในกฎหมาย ซึ่งไม่ควรใส่ไว้
 
นายองอาจ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่อียู จะเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้งในประทเศไทยนั้น จากประสบการณ์ที่เคยเป็นตัวแทนสังเกตการณ์เลือกตั้ง และการลงประชามติที่ติมอร์ การสังเกตการเลืกตั้ง จะต้องไม่มีลักษณะการตรวจสอบควบคุมการเลือกตั้ง ไม่มีอำนาจใดๆ ที่จะเข้าไปทักท้วง เปลี่ยนแปลงการเลือกตั้ง เพียงแค่สามารถมีแถลงการณ์ได้ ดังนั้น กรณีอียู ขอให้มีความชัดเจนว่า มาเพื่อสังเกตกาณณือย่างเดียว แต่จากที่ได้ดูบันทึดข้อตกลง ( เอ็มโอยู )  มองว่า มันอาจเกินเลยกว่าการเป็นผู้สังเกตการณ์ ซึ่ง กกต.ที่กำลังจะเจรจากับทางอียูอีกไม่กี่วัน จะสามารถพูดคุยในรายละเอยดเรื่องนี้ได้ ว่า จะต้องทำตามมาตรฐานสากลของการสังเกตการณ์การเลือกตั้ง และต้องใช้หลักที่ กกต.กำหนด ไม่ใช่อียู
 
นายองอาจ ยังกล่าวถึง กรณีที่ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ออกมาระบุว่า การเมืองเลว และที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ระบุว่า เรามีการเมืองเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ โดยแบ่งผลประโยชน์ให้นักการเมือง 70 ให้ประชาชน 30 นั้น นายองอาจกล่าวว่า เป็นสิทธิและเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ที่เขาจะมองการเมืองในมุมใดมุมหนึ่ง แต่ทั้งนี้ ก็ต้องยอมรับว่า การเมืองก็เหมือนกับเรื่องอื่นๆ ที่มีทั้งด้านบวกและด้านลบ ทั้งนี้ ก็เป็นสิ่งที่แน่นอนว่า เรื่องการเมือง มันไม่ได้มีเพียงด้านดี หรือด้านเลวไปทั้งหมด ในส่วนของประชาธิปัตย์ ก็ไม่เห็นด้วยกับการเมืองที่ไม่ถูกต้อง และการใช้เงิน เพื่อให้ได้เข้ามาสู่อำนาจ ส่วนที่ว่า ทหารไม่ควรมาเล่นการเมืองหรือไม่นั้น  ตนเชื่อว่า การเมืองเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ที่ดี แต่อะไรที่ไม่ดี อยู่ที่คน พฤติกรรมของตนที่จะเข้ามาทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ และแวดวงการเมืองก็ต้อนรับคนที่พร้อมจะเข้ามากำจัดการเมืองน้ำเน่า