บรรหารตีปากเทพเทือก แกนพรรคใหญ่ต้องรอมชอม

ประกอบด้วย พรรคชาติไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคมหาชน ว่า จุดยืนของพรรคชาติไทยไม่เปลี่ยนแปลง หลังวันเกิด พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน  จะนัดหารือกัน ส่วนถ้อยแถลงของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ที่ระบุว่าจะสลายขั้วการเมือง เพื่อให้ทุกฝ่ายรอมชอมกัน เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ใช่มติพรรค เชื่อว่าเป็นเจตนาดี  "ผมอยู่กับนายสมศักดิ์ มา 30 ปี รู้ดีว่าไม่ได้มีเจตนาอะไร วันที่แถลงข่าว นายสมศักดิ์อาจจะตกคำว่า ความเห็นส่วนตัวไป ผมในนามหัวหน้าพรรคชาติไทย ขอยืนยีนว่า ยังมีจุดยืนที่แน่วแน่มั่นคง ผมเคยพูดหรือไม่ว่า มีบางคนทำผิดแล้ว แล้วมาบอกว่าถูกตลอด อย่างนี้ก็ทำงานกันไม่ได้ จนแผ่นดินกลบหน้าก็ทำร่วมกันไม่ได้ จึงขอให้ทุกคนรู้จุดยืนของพรรคชาติไทย" หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า จุดยืนพรรคชาติไทยคือไม่ร่วมงานกับพรรคไทยรักไทยเดิมใช่หรือไม่

นายบรรหาร กล่าวว่า ตนอายุ 75 ปีแล้ว จะต้องให้บอกว่า ก. ข. ค. มันคืออะไรหรือ ตนพูดก็ชัดเจนแล้ว ตนไม่ใช่เด็ก จะให้ตนพูดอย่างไร หัวหน้าพรรคชาติไทยกล่าวต่อกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การประกาศสลายขั้วการเมืองของพรรคชาติไทยเป็นเรื่องธรรมชาติ ว่า นายสุเทพเป็นเลขาธิการพรรค ควรจะระมัดระวังคำพูด และรอมชอม "ผมจะเตือนไว้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมประกาศหนุนนายอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) ให้เป็นนายกรัฐมนตรีมาตลอด แต่คุณสุเทพมาพูดแบบนี้ เป็นถึงเลขาธิการพรรค ผมจึงอยากจะสอนไว้ว่า การจะเป็นแกนนำหรือเป็นพรรคใหญ่ มันต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย เมื่อนายสมศักดิ์พูดแบบนี้ ต้องคิดว่าพี่บรรหารยังมีอยู่ คุณสุเทพต้องจำว่า งาน 60 ปีประชาธิปัตย์ ท่านนั่งใกล้ผม แล้วพูดอะไรไว้ ผมบอกถ้าเป็นผมจะบอกว่าไม่จริงมั้ง แต่ผมก็เข้าใจว่าเป็นธรรมชาติของประชาธิปัตย์ ได้เวลาก็ใส่ทันที เมื่อย้อนมา ผมก็ย้อนกลับไม่เกรงใจ ว่ากันตรงไปตรงมา แต่การเป็นพันธมิตร 3 พรรคก็ยังเป็นอยู่" หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าว.

กลุ่มมัชฌิมาได้พูดคุยกับกลุ่มรวมใจไทยอยู่ และคิดว่าการดำเนินการในเรื่องนี้ไม่ได้มีเพียง 2 กลุ่มที่จะเดินเข้าสู่การเป็นพันธมิตรหรือรวมกลุ่มการเมือง เพื่อให้ประเทศเกิดความรัก ความสามัคคี  จะขอหยุดพูดเรื่องนี้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพราะยังมีเวลาที่จะดำเนินการต่อไปได้ เนื่องจากยังไม่มีการกำหนดวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ยังเกิดการไม่ลงตัว แต่กลุ่มจะดำเนินการทางการเมืองต่อไป เพื่อสานต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน  "จะหยุดพูดเรื่องนี้ เพราะเกรงว่าเมื่อพูดไปแล้วจะเกิดความไม่เข้าใจ ประชาชนสับสน ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด จะได้มีข่าวสารด้านอื่นบ้าง  การควบรวมกันมีความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้อยู่ที่เงื่อนไข อย่างไรก็ตาม มัชฌิมามีนโยบายที่ดีที่จะทำงานการเมือง จึงพร้อมทำงาน ไม่ว่าจะควบรวมหรือไม่ควบรวม เพื่อทำงานให้กับประเทศ ไม่ใช่ทำงานเพื่อเป็นรัฐบาล ยืนยันได้ว่า จะไม่รวมกับพรรคพลังประชาชนอย่างแน่นอน" หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงยังไม่ตัดสินใจเรื่องการควบรวมกลุ่มการเมืองในช่วงนี้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า

ต้องการทำงานการเมืองเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติที่แท้จริง ไม่ว่าจะควบหรือไม่ ก็ทำงานได้ "ส่วนที่ผมเคยพูดว่า จะต้องปรึกษาผู้ใหญ่ในการดำเนินงาน ไม่ใช่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองอย่างที่หลายคนคิด แต่เป็นคณะที่ปรึกษาที่เป็นปราชญ์ แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อผู้ใหญ่ เพราะเกรงว่าจะถูกวิพากษ์ วิจารณ์ให้เกิดความเสียหายได้" นายสมศักดิ์ กล่าวและว่า กรณีกลุ่มรวมใจไทยเป็นพันธมิตรทางการเมืองกับกลุ่มกรุงเทพ ' 50   เป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากเป็นคนรู้จักกันทั้งนั้น แต่ใครเป็นใครบ้าง ตนไม่รู้ หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา กล่าวกรณีนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ระบุว่า พร้อมร่วมงานการเมืองกับทุกพรรคว่า

เป็นเรื่องของแต่ละพรรคหรือกลุ่มการเมืองที่มีคนมาก ความคิดเห็นแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน แล้วเมื่อสื่อนำมาเสนอ ก็ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไดh ต่อข้อถามว่า ขณะนี้มีรายงานว่ากลุ่มบุคคลที่จะใช้ชื่อ "มัชฌิมา" เตรียมยื่นขอจดทะเบียนตั้งพรรคกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะส่งผลกระทบต่อพรรคหรือไม่ เพราะขณะนี้กลุ่มมัชฌิมายังไม่ได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เดิมมีความตั้งใจว่า จะไปจดทะเบียนตั้งพรรคในวันที่ 28 ส.ค. แต่ได้เลื่อนออกไปก่อน นโยบายที่ได้ใช้หาเสียงหลายอย่าง อาทิ ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ได้เขียนชื่อไว้ว่า"กลุ่มมัชฌิมาธิปไตย" โดยทำก่อนที่จะมีการพูดคุยกันกับกลุ่มการเมืองอื่น  เป็นการแสดงให้เห็นว่าทางกลุ่มพร้อมทำงานการเมือง แต่หากจะมีใครจดทะเบียนชื่อซ้ำกับทางกลุ่มอย่างไร ต้องรอให้ถึงเวลานั้นก่อน จึงจะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร