ลาวสั่งอายัดเงินแม้ว-ตะเพิดนอมินี่ซิกแซ็กซุกหุ้นลาวโทรคม
ทักษินทางการลาวได้สั่งอายัดเงินของชินคอร์ปอเรชั่นในบริษัทวิสาหกิจผสมลาวโทรคม (Laos Telecom Co) หลังจากพบว่ามีการแอบงุบงิบขายหุ้นเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ในบริษัทชินนิตัน (Shinniton) ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มนี้ถือหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์ ใน LTC ให้แก่บริษัท AsiaMobile บริษัทลูกในสิงคโปร์ที่ถือหุ้นใหญ่โดยเทมาเส็กโฮลดิ้ง (Temasek Holding) ที่เป็นเจ้าของชินคอร์ป
กระทรวงคมนาคม ขนส่งไปรษณีย์และก่อสร้างของลาวที่ถือหุ้นใหญ่ 51 เปอร์เซ็นต์ ใน LTC ได้ขอให้รัฐบาลอายัดเงินของชินวัตร และยุติการโอนถ่ายเงินผลประโยชน์ เงินปันผลใดๆ มาตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากทราบว่ามีการขายหุ้นของ Shiniton ให้แก่ AsiaMobile เจ้าหน้าที่ของทางการลาวกล่าวกับ "ผู้จัดการรายวัน" ทางโทรศัพท์จากนครหลวงเวียงจันทน์เมื่อวันพฤหัสบดี (30 ส.ค.)
ฝ่ายลาวยังไม่ทราบประสงค์ในการขายหุ้นในลาวโทรคมให้แก่กลุ่มเทมาเสกที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในชินคอร์ปอยู่แล้ว และต้องการคำอธิบาย
นอกจากนั้นทางการลาวไม่ยอมรับการขายหุ้นดังกล่าวของกลุ่มชิน เนื่องจากเป็นการกระทำผิดต่อสัญญาหลักที่มีการลงนามกันในวันที่ 8 ต.ค.2539 เพื่อร่วมทุนกันจัดตั้งบริษัทลาวโทรคม และ ให้กลุ่มชินวัตรต้องขอโทษอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลลาวและแก้ไขการกระทำดังกล่าว
"การกระทำนี่ผิดต่อข้อ 10.3 ในสัญญาหลักอย่างชัดเจน ที่ฝ่ายเราสามารถบอกเลิกสัญญาได้" นายปาละมี พมมะทันสี อธิบดีกรมไปรษณีย์และโทรคมนาคม กระทรวง คขปก. ในฐานะประธานคณะกรรมการถือหุ้นของรัฐบาลลาวใน LTC กล่าว
ตามสัญญาดังกล่าวหากคู่สัญญาฝ่ายใดจะจำหน่ายหุ้น จะต้องแจ้งให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้า เพื่อใช้สิทธิในการเป็นผู้เสนอซื้อรายแรกและหากไม่มีการตัดสินใจดำเนินการใดๆ ภายในเวลา 60 วัน จึงจะสามารถจำหน่ายหุ้นให้แก่ฝ่ายที่สามได้ นายปาละมี กล่าวทางโทรศัพท์
เราได้แจ้งให้ ดร.วินัยมาเจรจาแล้วแต่บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา การเจรจาเมื่อวันที่ 27 (ส.ค.) ก็เป็นคนนัดเองแต่แล้วก็ไม่มาอีก เราถือว่าไม่จริงใจต่อกันนายปาละมีกล่าว
เราต้องการการชี้แจงอย่างเป็นทางการเพราะกลุ่มชินเปลี่ยนผู้ถือหุ้นในลาวโทรคมมาหลายครั้ง จนขณะนี้เราไม่ทราบเลยว่าใครเป็นนายที่แท้จริงของ ดร.ดำรง
ผู้บริหารของกลุ่มชินรายนี้ได้ทำหนังสือลงวันที่ 15 มิ.ย.ถึง นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว นายบัวสอน บุบผาวัน โดยแจ้งให้ทราบว่ากลุ่มชินได้จำหน่ายหุ้นให้เแก่ AsiaMobile ไปแล้ว
นายดำรงได้ขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีลาว แต่ผู้นำลาว ไม่สะดวก ไม่พร้อมที่จะให้เข้าพบ
กลุ่มชินมีประวัติอันยาวนานในการเข้าทำธุรกิจโทรคมนาคมใน สปป.ลาว เริ่มตั้งแต่ บริษัท Shinawatra Computer & Communications หรือ SC&C เป็นรายแรก ที่ตั้งทีมล็อบบี้เพื่อทำสัญญาทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือในประเทศนี้
กลุ่มชินวัตรเคยได้ได้รับสัมปทานผูกขาดการให้บริการและจำหน่ายเครื่องลูกข่ายในประเทศนี้เป็นเวลา 5 ปี โดยถือหุ้นใหญ่ในบริษัทแรกถึง 70% จนกระทั่งปี 2539 จึงมีการเจรจาทำสัญญาร่วมทุนจัดตั้ง LTC
นับตั้งแต่ SC&C เจ้าแรกเป็นต้นมา ได้มีการเปลี่ยนบริษัทผู้ถือหุ้นของชินวัตรในวิสาหกิจผสมลาวโทรคมมาหลายครั้ง
ตามข้อมูลของฝ่ายลาว ในปี 2540 เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่กลุ่มชินวัตรได้ตั้งบริษัท Shiniton ขึ้นมาในสิงคโปร์โดยมีบริษัทชินอินเตอร์เนชั่นแนล (Shin International) ถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเข้าถือหุ้นใน LTC แทน SC&C
จนกระทั่งปี 2545 ฝ่ายลาวจึงได้รับแจ้งว่า ได้มีการโอนหุ้นส่วนทั้งหมดของครอบครัวชินวัตรในลาวโทรคมไปให้บริษัท Shiniton แล้ว
ในปีนั้น ดร.ดำรงทำหนังสือแจ้งให้เราทราบว่าได้มีการโอนหุ้นทั้งหมด (ใน LTC) ให้กับชินนิตันนายปาละมี กล่าว
เจ้าหน้าที่ลาวตั้งข้อสังเกตว่าการโอนถ่ายบริษัทผู้ถือหุ้นดังกล่าว ก็เพื่อหลีกเลียงการจ่ายค่าหุ้นส่วนและเงินลงทุนต่างเป็นเงินสกุลบาทที่อ่อนค่าลงครึ่งต่อครึ่ง และหันไปจ่ายเป็นเงินดอลลาร์ที่แข็งกว่าแทนเงินบาท
ต่อมาในวันที่ 23 ม.ค.2549 กลุ่มชินวัตรได้ทำหนังสือแจ้งให้ทางการลาวทราบว่า ครอบครัวชินวัตรของ อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ขายหุ้นส่วนใหญ่ในชินคอร์ปอเรชัน ให้แก่เทมาเส็กโฮลดิ้ง (Temasek Holdings) แห่งสิงคโปร์
การซื้อขายหุ้นดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างส่วนบนของบริษัท ทางเราไม่ได้วิตกมากนัก ซึ่งต่างกันกับการขายหุ้นให้เอเชียโมบาย ที่เป็นการทำผิดสัญญาอย่างชัดแจ้งนายปาละมี กล่าว
เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวว่า AsiaMobile ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยเทมาเสกโฮลดิงถือหุ้นใหญ่ 51 เปอร์เซ็นต์ และยังไม่ทราบเจตนาที่แน่ชัดว่า เพราะเหตุใดจึงมีการขายหุ้นมนลาวโทรคมไปให้แก่บริษัทนี้ ขณะที่เทมาเสกโฮลดิง ซึ่งเป็นบริษัทแม่ถือหุ้นในลาวโดยทางอ้อมอยู่แล้ว
นายปาละมี กล่าวว่า ฝ่ายลาวได้ติดต่อให้ ดร.ดำรงผู้บริหารของบริษัทชินแส็ทเทลไลท์ ที่เป็นตัวแทนผู้ถือหุ้นในแอลทีซีเข้าอธิบายข้อเท็จจริงต่างๆ มาตั้งแต่เดือน มิ.ย. หลังจากทราบว่ามีการขายหุ้นให้แก่บริษัทในสิงคโปร์ แต่ฝ่ายนั้นผลัดนัดเรื่อยมา และในที่สุดก็เป็นผู้นัดหมายเองเป็นวันที่ 27 ส.ค.
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงวันดังกล่าว นายดำรงได้ส่งนายอาทิตย์ ฤทธาภรณ์ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของชินแส็ท กับ นายกมลมิตร วุฒิจำนงค์ ทนายความไปพบ โดยฝ่ายลาวได้แจ้งให้ทราบว่ามีการทำผิดสัญญาเกิดขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น AsiaMobile ได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับล่างไปชี้แจงต่อฝ่ายลาวเกี่ยวกับการที่บริษัทได้เข้าถือหุ้นใน LTC โดยอ้างว่า จะเป็นประโยชน์ต่อ LTC ทั้งในด้านการเงิน เทคโนโลยีและการตลาด แต่เจ้าหน้าที่ของลาวกล่าวว่า เป็นข้อเสนอที่ลาวเองไม่ได้เรียกร้อง
เจ้าหน้าที่เอเชียโมบายเข้ามาเพื่อหาข้อมูล โดยพยายามอธิบายหลอกลวง ไม่จริงใจ ไม่ให้ข้อเท็จจริง อ้างว่าการเข้าไปของเอเชียโมบายจะเป็นประโยชน์ต่อลาวโทรคมทั้งด้านการเงินและการตลาด ซึ่งเราไม่ได้ต้องการนายปาละมี กล่าว
ประธานคณะกรรมการหุ้นส่วนในลาวโทรคมกล่าวอีกว่า เคยขอนัดหารือกับนายดำรงในวันที่ 2 ส.ค. แต่ถูกบอกปัดว่าไม่ว่าง และให้แจ้งล่วงหน้า 10 วัน จึงได้ขอนัดหมายอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 14 เดือนนี้ แต่ก็ถูกบอกปัดอีก และ ได้เป็นฝ่ายนัดเองเป็นวันที่ 27
เราได้รับคำชี้นำจากท่านรัฐมนตรี (ว่าการกระทรวง คขปก.- นายสมมาด พนเสนา) ให้รอการนัดหมายวันที่ 27 ก่อนจะดำเนินการขั้นต่อไป ซึ่งดอกเตอร์ดำรงไม่มาอีกเช่นเคย
ประธานคณะกรรมการฯ ของลาว กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายลาวได้ขอให้ ดร.ดำรงเข้าชี้แจง และต้องขอโทษอย่างเป็นทางการในการกระทำที่ละเมิดสัญญาร่วมทุน ซึ่งฝ่ายลาวสามารถยกเลิกสัญญาได้
ถ้าหากตัวแทนผู้ถือหุ้นของกลุ่มชินไม่ปฏิบัติดังกล่าว คณะกรรมการฯ ของฝ่ายลาวจะเสนอขอคำชี้แนะจากรัฐบาลเพื่อดำเนินการขั้นสุดท้าย ซึ่งเป็นการฟ้องร้องต่อศาลประชาชนของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามสัญญาข้อที่ 10.2
การฟ้องร้องต่อศาลจะนำไปสู่การยกเลิกสัญญาระหว่างรัฐบาลลาวกับกลุ่มชินในที่สุด นายปาละมีกล่าว
ปัจจุบันจนถึงอายุสัญญาร่วมทุนของกลุ่มชินในลาวโทรมเหลืออยู่อีก 15 ปี ซึ่งหลังจากนั้นจะต้องมีการถ่ายโทนทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่ลงทุนไปแล้วทั้งหมดให้ตกเป็นของทางการลาวตามที่ระบุไว้ในสัญญา
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ของลาวกล่าวว่า กลุ่มนี้พยายามทุกวิถีทางในการสร้างตลาด เพื่อประโยชน์ของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ทั้งในไทย และในสิงคโปร์
credit www. manager.co.th