"ปู" ขอแถลงปิดคดีข้าวเอง ย้ำไม่ได้ละเลยตามข้อกล่าวหา ปัดพี่สาวไม่ลงการเมือง "บิ๊กตู่" เผยดัชนีความสุขเกษตรกรเพิ่ม เหตุเศรษฐกิจดีขึ้น ฮึ่มห้ามกรีดยางในพื้นที่บุกรุก มาร์คนำปชป.อวยพรวันเกิดเทือก นิพิฏฐ์จี้ "รบ." แก้ปากท้อง 13 องค์กรสิทธิทวงสัญญา "ตู่" จี้ดูแลผู้ลี้ภัย
บิ๊กตู่บอกเกษตรกรสุขเพิ่ม-ศก.ดี
เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน(กพย.) โดยใช้เวลาประชุมเพียง 40 นาที ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเน้นย้ำในที่ประชุมว่า กพย.มีความสำคัญและต้องขับเคลื่อนให้เป็นไปตามเป้าหมายในการพัฒนา ให้เกิดความยั่งยืน และเป็นตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี การปฏิรูปประเทศ แผนแม่บทและตอบสนองเป้าประสงค์ของสหประชาชาติ ซึ่ง 15 ปีที่ผ่านมาไทยเราอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและทำได้ และเป็นตัวอย่างที่ดีที่เดินตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 หรือที่เรียกว่าใช้ศาสตร์พระราชา ฉะนั้นการขับเคลื่อนประเทศให้เกิดความยั่งยืนที่มีความหลายหลาก จึงเป็นเรื่องที่ต้องเริ่มต้นตั้งแต่ วันนี้
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ตอนหนึ่งว่า จากผลสำรวจความสุขของเกษตรกรกลุ่มตัวอย่าง 500 กว่าราย ทั่วประเทศโดยสำนักวิจัยซูเปอร์โพล มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำพบว่า "ความสุขมวลรวมของเกษตรกร" มีค่าเฉลี่ยสูงถึง 8.29 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ คนที่อยู่ในห่วงโซ่เหล่านี้ จะมีรายได้ดีขึ้น หากปรับตัวเอง ปรับเปลี่ยนการปลูกพืช มีการลดต้นทุนการผลิต มีการรวมกลุ่ม แต่ถ้าใครไม่เข้ามาในวงจรเหล่านี้เลยก็ไม่เพิ่มขึ้นแน่นอน หนี้สินจะมากขึ้นเรื่อยๆ
ฮึ่มห้ามกรีดยางในพื้นที่บุกรุก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า พืชผลทางการเกษตรถ้ามีการปลูกมากก็จะเกิดปัญหาราคาตก เช่น ยางที่ปลูกในพื้นที่บุกรุก 3 ล้านกว่าไร่ ถ้าเราทำให้พื้นที่บุกรุกเหล่านั้นไม่มีการกรีดยาง อีกต่อไปราคายางขึ้นแน่นอน เพราะยางจะลดลง วันนี้เราเห็นใจพี่น้องเกษตรกรที่เดือดร้อนอยู่ แต่การกระทำใดๆ ที่ผิดกฎหมาย รัฐบาลจำเป็นต้องมีนโยบายที่จะเปลี่ยนผ่านในช่วงนี้ ฉะนั้นการออกมาเรียกร้องในขณะนี้ แล้วมีการระดมกันปลุกกันว่าจะออกมากดดันรัฐบาล ตนไม่อยากให้เกิดกรณีเช่นนั้น เพราะถ้ามีการกดดันรัฐบาลมากจนเกินไป รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายก็คือ การห้ามกรีดยาง ในพื้นที่บุกรุกทั้งสิ้นใน 3 ล้านกว่าไร่ แล้วเกษตรกรชาวสวนยางที่ยากจนจะทำอย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ดังนั้นขอให้ผู้นำเกษตรกร สมาคมยางต่างๆ พิจารณาตรงนี้ด้วย เพราะจะทำให้คนเหล่านั้นเดือดร้อนไปด้วย ไม่ใช่โยนภาระทั้งหมดมาให้กับรัฐบาล ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าปัญหาของเราคือยางมีจำนวนมากเกินไป รัฐบาลพยายามส่งเสริมให้ใช้ยางในประเทศ ไม่ให้พึ่งพาการส่งออกมากจนเกินไปเหมือนในอดีต จนควบคุมไม่ได้
ชี้ปัญหามาจากการบริหารในอดีต
"รัฐบาลนี้ยืนยันกำลังแก้ไขอยู่ในทุกเรื่อง มีคนเดือดร้อนจำนวนมาก เป็นผลมาจากการบริหารประเทศในอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลนี้จำเป็นต้องสะสางให้ได้ในทุกประเด็น แล้วเริ่มต้นใหม่ให้ถูกต้อง ขอให้สังเกตว่าหากในอดีตอย่างที่เขากล่าวอ้างมาว่า ทำดีอยู่แล้ว วันนี้เราคงไม่ต้องตามแก้ไปหมดทุกเรื่องไม่ว่า เรื่องแรงงาน บุกรุกป่า ราคาสินค้าเกษตร หรือการสาธารณสุข การรักษาพยาบาล การศึกษา ผมไม่บังอาจต่อว่าท่านเหล่านั้น ให้เกียรติซึ่งกันและกัน แต่อยากให้ประชาชนแยกแยะให้เข้าใจว่า เราจะร่วมมือแก้ไขปัญหาอย่างไร แล้วไม่ให้คนเหล่านั้นที่พูดจาทำให้เสียหายได้ออกมาพูดอีก ทุกอย่างกลับเป็นแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า รัฐบาลและคสช. ไม่ได้มุ่งหวังอำนาจอย่างที่กล่าวอ้างกันทุกวันนี้ว่าจะสืบทอดอำนาจผลประโยชน์ ยังนึกไม่ออกเหมือนกัน ว่าจะทำไปเพื่ออะไร ถ้าไม่ได้ทำเพื่อประเทศชาติ ประชาชน ไม่ต้องการไปควบคุมการเมือง ควบคุมประชาธิปไตยไปอีก 10-20 ปี ใครคิดแบบนั้นตนว่าไม่ใช่คนไทย ต้องขอความร่วมมือช่วยกันรักษาเสถียรภาพของบ้านเมือง ในช่วงนี้ รัฐบาลและคสช. คิด ทำ มุ่งหวังอยู่เสมอว่าจะทำอย่างไรปัญหาเหล่านี้จะไม่กลับมาอีก
"ช่วงนี้รัฐบาล และคสช.พยายามจะเปิดโอกาสสร้างบรรยากาศให้มีการปฏิรูปใน ทุกด้าน เพื่อเราจะได้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ อย่างเต็มภาคภูมิ ตามแบบฉบับของเรา ซึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ และอารยธรรมของเราไม่ใช่ประชาธิปไตยที่ถูกบิดเบือน บิดเบี้ยว จนเสียหลักการอันเป็นแก่นแท้ เพื่อเพียงผลประโยชน์ของใครบางคน กลุ่มบางกลุ่ม" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
สนช.เห็นชอบ"เข็มชัย"นั่งอสส.
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายหลี บุญค้ำ เอกอัคร ราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เข้าเยี่ยมคารวะว่า ในการหารือไม่ได้พูดถึงเรื่องการติดตามตัวนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ผู้ต้องหาตามที่ถูกออกหมายจับ มีแต่พูดถึงเรื่องความมั่นคงชายแดนซึ่งปัจจุบัน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนความร่วมมือในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น เป็นไปตามกติกาอยู่แล้ว ต้องว่าไปตามขั้นตอนกฎหมาย มีความ ร่วมมือกันอยู่ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ซึ่งเชื่อว่าถ้าบอกไปว่าอยู่สถานที่ใด จุดใดเขาสามารถจัดชุด ไปดูให้ทันที ตอนนี้จึงอยู่ที่ว่าฝ่ายข่าวแจ้งมาว่าอยู่ตรงไหน อย่างที่บอกว่าบางครั้งเจอแต่ฐานลอย ตนยังมั่นใจว่าเขาให้ความร่วมมือ
ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. เป็นประธานการประชุม สนช.พิจารณาวาระให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อ ให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดตามที่คณะกรรมการ อัยการ (ก.อ.) มีมติเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2560 ให้เลื่อนนายเข็มชัย ชุติวงศ์ รองอัยการสูงสุด ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ ที่ประชุมสนช.มีมติแต่งตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรม ทางจริยธรรมจำนวน 17 คน เพื่อตรวจสอบประวัตินายเข็มชัย โดยมีกรอบระยะเวลาทำงาน 30 วัน ก่อนกลับมารายงานให้ที่ประชุมเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อต่อไป
4พยานเบิกความคดีจำนำข้าว
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีจำนำข้าวคดีหมายเลขดำ อม.22/2558 พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ได้ไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 14 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
วันนี้ทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นำพยาน เข้าไต่สวน 4 ปาก คือ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรง ไพศาล อดีตรองนายกฯและรมว.พาณิชย์, นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกฯ , นายสุรชัย ศรีสารคาม อดีตผู้ว่าฯนครนายก และพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสมช.
ชี้กก.ตรวจข้าวไม่ใช้มาตรฐานพณ.
โดยนายสุรชัย ขึ้นเบิกความสรุปว่า การรับ จำนำข้าวเป็นกฎเกณฑ์จากส่วนกลาง และการดำเนินโครงการก็อยู่ในเกณฑ์ทั้งหมด ซึ่งจังหวัดตนผ่านการประเมินจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) โดยไม่มีปัญหาการรับจำนำข้าวที่ทำให้ภาพรวมเสียหาย และดำเนินการอย่างเข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพราะมี ส่วนเกี่ยวข้องหลายขั้นตอน โดยการขึ้นทะเบียนชาวนามีประชาคมทำหน้าที่ตรวจสอบว่าเป็นเกษตรกรทำนาจริงหรือไม่ มีพื้นที่นาเท่าไหร่ ส่วนการรับจำนำมีผู้ตรวจสอบและออกใบประทวน จ่ายเงินตรงให้เกษตรกร การเก็บข้าวในโกดังยังมีเจ้าหน้าที่ถือกุญแจคนละดอกไม่ให้มีการสับเปลี่ยนข้าว หากมีการสวมสิทธิ์สามารถตรวจสอบพบได้ง่าย การรับจำนำข้าวเป็นการชุบชีวิตชาวนาให้มีเงิน จับจ่าย เศรษฐกิจฐานรากหมุนเวียน มีชีวิตดีขึ้น
เมื่ออัยการถามถึงคณะกรรมการชุด ม.ล. ปนัดดา ดิศกุล ตรวจสอบข้าวแล้วมีผลการประเมินว่าข้าวเสื่อม นายสุรชัย กล่าวว่า ม.ล. ปนัดดา กำหนดมาตรฐานขึ้นมาเองแทนที่จะใช้มาตรฐานกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีข้อสงสัยถึงการสุ่มตัวอย่างที่ใช้กลุ่มเล็กมาประเมินภาพรวม ผู้ตรวจสอบก็ไม่มีความชำนาญเพราะใช้ทหารตรวจ และยังนำข้าวดีไปประมูล เป็นอาหารสัตว์ น่าจะมีการตรวจสอบใหม่ให้ชัดเจนต่อไป เพราะต่างจากผลการประเมินของ ก.พ.ร. ที่เชื่อถือได้
นายกฯ สั่ง-"ครม.-กบข."รับผิดชอบ
ด้านนายนิวัฒน์ธำรง ขึ้นเบิกความในช่วงบ่าย ตอบคำถามอัยการโจทก์ถึงการตรวจสอบการระบายข้าวว่า โครงการมีระบบบริหารจัดการเอื้อกับกฎหมาย อำนาจหน้าที่ของ นายกฯ คือให้นโยบายมอบหมายสั่งการ ผู้รับมอบต้องไปปฏิบัติราชการตามที่ได้รับมอบหมาย ไม่ใช่นายกฯ รับผิดชอบคนเดียว ยังมีทั้ง ครม. คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กบข.) ด้วย นอกจากนี้ยังตั้งคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตในโครงการโดย ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ส่วนการระบายข้าวสามารถดำเนินการได้รวดเร็ว โดยระบายได้เกือบ 1 ล้านตัน การดูแลรักษาข้าวในสต๊อกมีสัญญาให้ดูแลให้ได้สภาพตามมาตรการของกระทรวง พาณิชย์ มีสัญญาประกันภัยพิบัติ มีผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะระบายให้หมดปีต่อปีเป็นไปไม่ได้ ในอดีต มีข้าวค้างสต๊อก 3 ล้านตันเป็นเรื่องปกติธรรมดา
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า โครงการรับจำนำ ข้าวรัฐบาลคิดขึ้นมาโดยมีการศึกษาจากหลายกลุ่มแล้ว ต้องกำหนดราคาให้เหมาะสม ที่ผ่านมา ชาวนามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่ดี รัฐบาลเก่าๆ เคยตั้งราคารับจำนำต่ำกว่าราคาตลาดไม่ได้ ช่วยชาวนา เราจึงตั้งให้ราคาเหมาะสม คุ้มทุนมากขึ้นโดยตั้งราคาสูงกว่า
นัดไต่สวนชุดสุดท้ายอีก8ปาก
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า การระงับยับยั้งโครงการต้องทำในกรณีที่จำเป็น โครงการนี้ทุกฝ่ายสนับสนุนมาโดยตลอด ผลสำรวจต่างๆ บอกว่าโครงการดีมีประโยชน์ต่อชาวนาและเศรษฐกิจของประเทศ สภาพัฒน์ยังบอกว่าให้ดำเนินการต่อถึงปี 2558 จึงไม่มีเหตุผลในการสั่งยกเลิก ส่วนตัวชี้วัดโครงการรับจำนำข้าว และการมีหนี้ค้างชำระมากในโครงการนั้น อยู่ที่การแก้ปัญหาหนี้สิน พัฒนาความเป็นอยู่ของชาวนา และการทำให้เศรษฐกิจ ประเทศดีขึ้น มีกรอบงบประมาณภาระหนี้ ไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ กรอบการใช้เงินทั้งโครงการไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ส่วนที่มีหนี้ค้างชำระมาก เนื่องจากกระทรวงการคลังนำตัวเลขโครงการในอดีตมารวมกับเงินในโครงการแรก ตัวเลขจึงคลาดเคลื่อนเยอะมาก ทำให้เกิดการกล่าวหาว่าจำเลยทำโครงการขาดทุนสูงมาก ทั้งที่ไม่ได้ใช้เงินเกิน 5 แสนล้านบาท ส่วนการขาดทุนเป็นคนละเรื่องกับการใช้เงินในโครงการ
ภายหลังวันนี้ศาลไต่สวนพยานจำเลย 4 ปาก เสร็จสิ้น ทนายความจำเลยแถลงไม่ประสงค์จะนำ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. และข้าราชการในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) พยานอีกปากไต่สวนอีก ศาลจึงนัดไต่สวนพยานจำเลยกลุ่มสุดท้ายอีก 8 ปาก ประกอบด้วยพยานซึ่งเป็นอดีตข้าราชการ และนักวิชาการในวันที่ 21 ก.ค.นี้เวลา 09.30 น.
ยื่นศาลขอตีความสำนวนปปช.
ในวันนี้ฝ่ายจำเลย ยื่นคำร้องขอศาลฎีกาฯ ส่งประเด็นให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความว่าบท บัญญัติมาตรา 5 ของพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 และบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 เกี่ยวกับการยึดสำนวน ป.ป.ช.เป็นหลักในการพิจารณาว่าจะขัดหรือไม่ขัดกับบท บัญญัติ มาตรา 235 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 เนื่องจากรัฐธรรมนูญใหม่ ระบุตอนท้ายว่า การพิจารณาของศาลฎีกาฯ ให้นําสํานวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.เป็นหลักในการพิจารณา และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมให้ศาลมีอํานาจไต่สวนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ แต่ในมาตรา 5 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ระบุว่า การพิจารณาคดีให้ศาลยึดรายงานของ ป.ป.ช. เป็นหลักในการพิจารณา และอาจไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร
โดยองค์คณะฯ ได้รับคำร้องของจำเลยไว้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งอีกครั้งในนัดหน้าวันที่ 21 ก.ค.นี้ ว่าจะให้ส่งหรือไม่ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ
"ปู"ขึ้นศาล-แห่ให้กำลังใจล้น
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมทีมทนาย เดินทางมาขึ้นสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดที่ 15 ในคดีโครงการรับจำนำข้าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยมีอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรคและอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีต รมว.มหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ รักษาการรองเลขาธิการพรรค นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีต ส.ส.ขอนแก่น เป็นต้น และมวลชนจำนวนหนึ่งมาให้กำลังใจ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 จำนวน 1 กองร้อย โดยครั้งนี้ยังคงนำแผงเหล็กมากั้นโดยรอบบริเวณทางเข้าศาล พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่คอยยืนคุม ผู้ที่จะเดินผ่านเข้าออกเพื่อรักษาความปลอดภัย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจในพยานที่เหลือว่า ขณะนี้ยังเหลือพยานอีกหลายปาก หวังว่าจะได้นำทุกพยานเข้าสืบพยานในชั้นศาลจนครบถ้วน ซึ่งการสืบพยานครั้งนี้มีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.พาณิชย์ ที่อยู่ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนพ้นจากตำแหน่ง น่าจะให้ข้อมูลในระดับภาพรวมได้ ส่วนการแถลงปิดคดี ตนอยากแถลงด้วยวาจา แต่ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของศาล ส่วนการไต่สวนจะยืดระยะเวลาหลังวันที่ 21 ก.ค.ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่เราพยายามจะขอให้ได้สืบพยานทุกปาก อยู่ที่เวลาและคำถาม ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่าเวลานี้จะจบเมื่อไร อย่างไร สำหรับความคืบหน้าคดีการชดใช้ค่าเสียหายจำนำข้าว ในทางละเมิดนั้น เราได้ใช้สิทธิยื่นฟ้องต่อศาลปกครองซึ่งอยู่ในขั้นตอนของชั้นศาล
ยันไม่ได้ละเลยตามที่กล่าวหา
เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงกังวลว่าในการพิจารณาคดีนัดสุดท้าย จะเกิดการปลุกระดมประชาชนจนเกิดความวุ่นวาย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ต้องเรียนว่าประชาชนมีความห่วงใยซึ่งกันและกัน ต้องการให้กำลังใจ โดยเฉพาะที่หน้าศาลเพราะเรามีความผูกพันต่อกัน ตนเชื่อว่าประชาชนเห็นนโยบายที่เรานำไปสู่ชาวนา เห็นผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นต่อชาวนา ก็ให้กำลังใจกันตามปกติ ดังนั้นขอว่าอย่าตีความเป็นอย่างอื่น เพราะตนพยายามสื่อสารไปยังประชาชนที่เกี่ยวข้องว่าการมาที่ศาลต้องอยู่ในกติกา คำสั่งศาลและคำสั่งของคสช. ต้องระวังตรงนี้
"กำลังใจยังดีอยู่ ต้องบอกว่าซาบซึ้งใจจากกำลังใจที่ให้ตนมาตลอดเวลา วันนี้ต้องขอขอบคุณ ตรงนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตนมีกำลังต่อสู้คดี แต่ส่วนสำคัญคือ ต้องสู้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้ละเลยตามที่ กล่าวหา" น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวถึงปัญหาพืชผลการ เกษตรราคาตกต่ำว่า อยากให้ภาครัฐเข้าดูแลกลไกทางตลาด ถ้าหากรัฐไม่เข้าดูแล เกษตรกร จะประสบปัญหาเป็นระยะ ซึ่งรัฐควรมีนโยบายถาวรเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว
เผยพี่สาวไม่สนการเมือง
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวถึงกรณีปรากฏชื่อหลาย บุคคลที่จะเข้ามานำทัพพรรคเพื่อไทย ว่า การปรากฏชื่อหลายคนเป็นเรื่องที่ดี แต่ทั้งหมดนี้ต้องให้มีการเลือกตั้งที่ชัดเจน เมื่อถามว่าปรากฏ ชื่อนางมณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล พี่สาวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เพิ่งได้ยิน หากพี่สาวได้ยินคงตกใจเพราะเขาไม่มีเจตนาที่จะเข้ามายุ่งกับการเมืองเลย
เมื่อถามว่าการที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำภาค กทม.เดินสายออกหน้าทำกิจกรรม เพื่อชูเป็นแม่ทัพและเพื่อกลบภาพพรรคตระกูลชินวัตรหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ความจริงทุกคนก็เป็นคนที่มีความสามารถ พรรคเองก็มีกลไกของพรรค
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขา ธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เปิดโอกาสให้พรรคทำกิจกรรม ดังนั้นทุกอย่างยังไม่ชัดเจน แต่วันนี้แกนนำพรรคทั้งหลายก็ช่วยกันประคับประคองเท่าที่กฎหมายจะเอื้ออำนวย ให้เราทำ แต่ตราบใดที่กฎหมายยังไม่ชัดเจนก็จะเป็นข่าวไปแบบนี้ หากกฎหมายชัดเจนเมื่อใดก็คงได้คุยกัน
ปึ้งจี้"ตู่"ยึดธรรมาภิบาล
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การที่กกต.พบว่าการตรากฎหมายลูกขัดต่อรัฐธรรมนูญ และจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตามมาตรา 210(1) ของรัฐธรรมนูญนั้นถือว่าชอบด้วยกฎหมาย เช่นเดียวกันกับที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้รับทราบว่าการที่ ครม.ส่งเรื่อง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ และพ.ร.บ.แผนปฏิรูปประเทศให้ สนช.พิจารณา มีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน อีกทั้งตามมาตรา 148 (2) ของรัฐธรรมนูญนั้น พล.อ.ประยุทธ์จะต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ คงไม่ใช่เรื่อง ไร้สาระอย่างที่นายกฯเข้าใจ
"ขอให้นายกฯยึดตามหลักกฎหมายสูงสุดภายใต้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล และทุกฝ่ายควรแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำใดๆ ที่ขัด ต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ด้วย เพราะคน ไทยทุกคนต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560"
มาร์คนำปชป.อวยพรวันเกิดเทือก
ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ จ.นนทบุรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ในฐานะประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยฯ พร้อมด้วยนางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ ภรรยา ทำบุญครบรอบวันคล้ายวันเกิดครบ 68 ปี โดยเข้ากราบคารวะสรีระหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ อดีตเจ้าอาวาสวัดชลประทานฯ จากนั้นถวายเพลพระสงฆ์ 110 รูป โดยมีแกนนำ กปปส.เข้าร่วมทำบุญ และอวยพรวันเกิดกันอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายถาวร เสนเนียม นายชุมพล จุลใส นายอิสสระ สมชัย นายวิทยา แก้วภราดัย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร และนาย พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รวมถึงนายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายนายสุเทพก็มาร่วมงานด้วย
นอกจากนั้นยังมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรค นำกระเช้าดอกไม้มาร่วมอวยพรอย่างคับคั่ง อาทิ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก รวมทั้งพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. เดินทางมามอบดอกไม้และอวยพรวันเกิดนายสุเทพด้วย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น
สุเทพหนุนไพรมารี่โหวต
นายสุเทพให้สัมภาษณ์ว่า ที่มีคนมาอวยพรกันอย่างเหนียวแน่นเหมือนเดิม ทั้งกปปส.และอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในสังคมไทย ความรัก ความผูกพัน ความสัมพันธ์เป็นสิ่งที่มีค่ามีความหมาย ส่วนเรื่องทางการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาเป็นปัญหา ตนกับนายอภิสิทธิ์ ก็คุยกันปกติ ไม่ได้ เจอกันหลายวัน แต่ไม่ได้คุยเรื่องการเมืองเพราะ คุยกันมาหมดแล้ว
นายสุเทพกล่าวถึงระบบไพรมารี่โหวตว่า การจะทำให้การเมืองเป็นของประชาชนต้องทำพรรคให้เป็นของประชาชน โดยมีองค์ประกอบ 1.ให้ประชาชนกำหนดผู้บริหารพรรค โดยมาจากการเลือกตั้งของประชาชนที่เป็นเจ้าของพรรค 2.เงินทำกิจกรรมของพรรค ต้องมาจากประชาชนผู้เป็นสมาชิกพรรค หรือเจ้าของตัวจริง และ3.การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ต้องมาจากประชาชนในเขตเลือกตั้งนั้นๆ เป็นผู้ตัดสินใจตัวบุคคล ไม่ใช่กำหนดจากหัวหน้าพรรค เลขาฯพรรค หรือคณะกรรมการบริหารพรรค ไพรมารี่โหวตจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้น จะได้ผู้แทนราษฎรที่ประจบสอพลอผู้ใหญ่ในพรรค
มาร์คชี้ไพรมารี่-ต้องกล้าลงทุน
ด้านนายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการตั้งกมธ.ร่วมเพื่อพิจารณาแก้ไขหลักการทำไพรมารี่โหวตว่า สิ่งที่กรธ. ได้ทักท้วงถึงเชิงปัญหาในการปฏิบัตินั้นตรงกับสิ่งที่ตนเคยนำเสนอไปแล้วผ่านจดหมายเปิดผนึก จึงอยากให้พิจารณาการทำไพรมารี่โหวตว่าต้องกล้าลงทุน รัฐและกกต. ต้องเป็นคนไปจัด ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถทำให้คนมาใช้สิทธิและมีส่วนร่วมทางการเมืองกันได้มากๆ ถ้าให้พรรคทำไพรมารี่โหวต แต่ไม่มีเงินให้เลย ซึ่งแตกต่างจากที่กกต.จัดเลือกตั้งแล้วใช้เงินครั้งละ 3,000 ล้านบาท เพราะอย่างมากพรรคทำได้แค่เรียกประชุมพรรคเท่านั้น คนที่อยู่ไกลๆ เขาไม่สามารถเดินทางมาได้ การทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์
เมื่อถามว่าหากมีการช่วยเหลือพรรคทำไพรมารี่โหวตแล้วจะเป็นการแทรกแซงกิจการพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ ตนยินดีส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนแต่การจะไปถึงจุดนั้นได้ ต้องมีการส่งเสริมให้ประชาชนมาเป็นสมาชิกพรรคกันมากๆ และอำนวยความสะดวกให้สมาชิกพรรคมาใช้สิทธิได้ แต่ในปัจจุบันแค่จะไปเลือกตั้งที่คูหาใกล้บ้านยังไปกันได้ไม่ครบเลย จึงอยากให้ดูเรื่องเหล่านี้ด้วย
นิพิฏฐ์จี้"รบ."แก้ปากท้อง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า แม้ตนและตัวแทนอดีตส.ส.ปชป. เข้าไปยื่นเรื่องที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงพล.อ.ประยุทธ์ ให้แก้ปัญหาราคายางพารา แต่เท่าที่ติดตามการแก้ปัญหายังไม่คืบหน้า ยังไม่กระเตื้อง ไม่เห็นผล และเรื่องที่เป็นปัญหาใหญ่คือปากท้องชาวบ้าน ขอให้รัฐบาลอย่าไป คิดทำนโยบายเพื่อเรียกคะแนนนิยม ไม่เช่นนั้นจะออกมาในแนวนโยบายฉาบฉวยสร้างปัญหาในอนาคต อย่าผลิตนโยบายเพื่อหวังเรียกคะแนนก่อนช่วงการเลือกตั้ง ต้องทำนโยบายที่ยั่งยืนดีกว่า โดยเฉพาะคนรากหญ้า คนที่ไม่มีรายได้ประจำกำลังเดือดร้อนมาก แต่คนที่เชียร์รัฐบาลอยู่ เป็นข้าราชการที่มีเงินเดือนกิน ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก ดอกเบี้ยจะสูง เขาก็ได้เงินทุกเดือน ดังนั้นอย่าไปหลงในคำเชียร์เหล่านี้เลย
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ส่วนที่กกต.และกรธ.รวมถึงสนช. กำลังถกเถียงกันหนักหน่วง เรื่องเนื้อหากฎหมายลูก จนอาจทำให้กระทบโรดแม็ปเลือกตั้งนั้น ตนว่าอยู่ที่สัญญาณจากผู้มีอำนาจ ถ้าอยากให้เลื่อนมันก็ต้องเลื่อน แต่ถ้าอยากอยู่ตามโรดแม็ปก็จบ ไม่มีปัญหา ไม่ยืดเยื้อ ขอย้ำว่าเถียงยื้อกันอยู่ เป็นแค่การแสดงลิเกหน้าม่าน ไม่ได้ทะเลาะกันหรือโกรธ กันจริงๆ ตนไม่สนใจพฤติกรรมคนเหล่านี้แล้ว เพราะของปลอม แต่สนใจอยากให้รัฐบาลแก้ไข ปากท้องชาวบ้านที่เป็นของจริง เดือดร้อนกันจริงๆ มากกว่า
ศุภชัยปัดอาวุธลับ-แค่พูดเล่น
นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการ การเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ระบุว่ากกต.มีกฎหมายพิเศษช่วยให้อยู่รักษาการต่อไป หากร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งต้องตกไปว่า พูดเล่นๆ สนุกๆ สื่อมวลชนไปเขียนเอง ไม่ได้มีเจตนาอะไร พูดให้ตื่นเต้นเช่นเดียวกับที่บอกว่า กกต.มีอาวุธลับ เป็นช่องทางในการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการพูดเล่นให้ตื่นเต้นเกิดความครื้นเครง เพราะเห็นสื่อมวลชนเครียดๆ กัน
นายศุภชัยกล่าวว่า สำหรับช่องทางที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กกต.จำเป็นต้องศึกษา ให้เกิดความรอบคอบ ต้องดูว่ามีช่องทางใดบ้าง ที่สามารถดำเนินการได้ กระบวนการจะเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะกกต. เห็นว่าร่างดังกล่าวไม่เป็นไปตามบทบัญญัติหรือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เนื่องจาก มีถ้อยคำเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ "ยืนยันว่ากกต. ดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมาย ที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้ ไม่ได้ยื้อหรือต้องการรักษาเก้าอี้ พวกเราไม่ติดยึด จะให้ ออกจากตำแหน่งวันนี้หรือวันไหน เราก็ต้องออก เมื่อกฎหมายออกมาอย่างไร เราพร้อมปฏิบัติตาม"
บิ๊กเจี๊ยบจัดฟาดแข้งปรองดอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันที่ 7 ก.ค. พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคสช. มีนัดเตะฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างทีมวีไอพีกองทัพบกกับนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข หรือหลักสูตร 4 ส. ของสถาบัน พระปกเกล้า
โดยมีรายชื่อนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช. พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผอ.สำนัก สันติวิธีและธรรมาภิบาล นายฉลาด ขามช่วง อดีตส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย นายสาวิทย์ แก้วหวาน แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) นายวีระ สมความคิด อดีตกลุ่มพธม. นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบ.ก.ลายจุด นักเคลื่อนไหวและนักกิจกรรม ทางการเมือง นายชาญวิทย์ ผลชีวิน หรือโค้ชหรั่ง อดีตโฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพิชิต ตามูล หรือดาบชิต แกนนำคนเสื้อแดง จ.เชียงใหม่ และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน อดีตส.ส. พรรคไทยรักไทย ปัจจุบันเป็นแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ แดงทั้งแผ่นดิน (นปช.) เข้าร่วมการแข่งขัน ที่สนามหญ้าด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนิน โดยสถาบัน พระปกเกล้าเป็นผู้คัดเลือกคนเข้ามาเตะฟุตบอล ในครั้งนี้ แม้ว่าบางคนจะเคยเคลื่อนไหวทาง การเมือง แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหาเพราะเป็นการ เล่นกีฬา
สำหรับผลการแข่งขันระหว่างทีมทหาร วีไอพีกองทัพบก กับนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข หรือหลักสูตร 4 ส. ของสถาบันพระปกเกล้า ปรากฏว่าทีมทหารวีไอพีกองทัพบกชนะไป 2 ประตู ต่อ 1
13องค์กรทวงสัญญาดูแลผู้ลี้ภัย
เมื่อวันที่ 7 ก.ค. แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับองค์กรพันธมิตรที่ทำงานด้านผู้ลี้ภัย ทั่วโลก รวม 13 องค์กร ออกแลถงการณ์ร่วมเนื่องในโอกาสที่นายฟิลิปโป กรานดี ข้าหลวงใหญ่ เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เยือนไทยในวันที่ 7 ก.ค. มีเนื้อหา เรียกร้องให้ทางการไทยปกป้องคุ้มครองสิทธิของผู้ลี้ภัยตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะการจัดตั้งกระบวนการคัดกรองผู้ลี้ภัย ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ให้คำมั่นสัญญาในการประชุมผู้นำโลกที่นครนิวยอร์ก เมื่อเดือนก.ย.2559 ว่า ทางการไทยจะจัดตั้งกระบวนการคัดกรองผู้ลี้ภัยที่มีประสิทธิภาพ และจะส่งเสริมให้ผู้ลี้ภัยเข้าถึงการศึกษาและสุขภาพในไทยได้ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
อีกทั้งที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่เคารพ "หลักการไม่ส่งกลับ" (Non-refoulement) ด้วยการ ส่งผู้ลี้ภัยไปยังพื้นที่ที่เป็นอันตรายต่อชีวิตของพวกเขา เช่น การส่งนายเอ็ม ฟูรกาน เซิกเม็น ไปยังตุรกี ซึ่งเขาถูกคุกคามทางกฎหมายจากรัฐบาล หรือการส่งชาวอุยกูร์ 100 คนไปยังจีน ทำให้พวกเขาเสี่ยงที่จะถูกทางการจีนประหัตประหาร
แอมเนสตี้และองค์กรพันธมิตรอีก 12 แห่งร่วมกันเรียกร้องให้ทางการไทยเร่งรัดกระบวนการ คัดกรองผู้ลี้ภัยให้เกิดขึ้นโดยเร็ว มีประสิทธิภาพ ได้มาตรฐานสากล และปฏิบัติตามหลักการไม่ส่งกลับ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ทางการไทยยุติการควบคุมตัวผู้ลี้ภัยโดยพลการ เปิดโอกาสให้พวกเขาได้รับการช่วยเหลืออย่างมีมนุษยธรรม รวมถึงการศึกษา สุขภาพ และการประกอบอาชีพ
วันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล นายฟิลิปโป กรานดี ข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอขอบคุณข้าหลวงใหญ่ที่ร่วมมือกับรัฐบาลและประชาชนไทย ที่ให้ ความช่วยเหลือผู้หนีภัย โดยไทยพร้อมให้ความร่วมมือ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่าการแก้ปัญหา ไม่ใช่เพียงประเทศหนึ่งประเทศใด แต่ทุกประเทศควรร่วมกันแก้ไขปัญหา โดยไทยให้ความสำคัญกับการจัดการและป้องกันปัญหาที่ต้นเหตุในประเทศต้นทาง
ยกฟ้องหมอชนบทหมิ่นณรงค์
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 ก.ค. ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท พร้อมกรรมการชมรมแพทย์ชนบทอีก 8 คน คือ นพ.อาร