สมัคร ไม่หวั่นถูกเอาผิดเรื่องนอมินี

ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายลูกว่า ไม่เป็นปัญหา กำลังดูรัฐธรรมนูญปี 2550 อยู่เหมือนกันว่ามีบทบัญญัติที่เขียนเอาผิดคนที่มาถามเรื่องนอมินีหรือไม่ เพราะเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนตอบคำถามสื่อมวลชนที่ถามว่าจะเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ ซึ่งได้อธิบายไปว่าคำว่านอมินีไม่ได้เป็นโทษ ไม่ใช่ของไม่ดี แต่เป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ ตั้งแต่อดีตมีต่างชาติเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ก็ต้องให้คนไทยถือหุ้น แต่ปัจจุบันกลับไปทำให้ความหมายของนอมินีผิดไปกลายเป็นสิ่งชั่วร้ายเลวทราม การที่ตนเข้ามารับทำงานการเมืองตรงนี้ก็เพื่อจะถือธงนำสร้างพรรคการเมืองให้อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยมีเวทีที่เป็นประชาธิปไตย เล่นการเมืองกันอย่างตรงไปตรงมา ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการเปรียบเทียบในทางการเมืองอย่างนี้ นอกจากนี้ต้องขอบคุณ กกต. ฝ่ายดูแลพรรคการเมืองที่ออกมาพูดว่าการประกาศตัวเป็นนอมินีก็เหมือนการประกาศตัวเป็นแฟนคลับ ถ้าแค่ ประกาศตัวเฉยๆ ไม่มีการดำเนินการใดที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ก็ไม่สามารถเอาผิดได้

ตอกกลับ ปชป.เหมือนตัวปรสิต
 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่านายสมัครเป็นได้แค่ หมากการเมืองหรือม้าใช้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และยังมีคดีจัดซื้อรถดับเพลิงและโครงการกำจัดขยะของ กทม. ติดตัวอยู่ นายสมัครตอบว่า ไม่อยากไปตอบโต้อะไรกับพวกไพร่ราบพลเลว ที่เที่ยวพูดด่าทอคนอื่น ทั้งที่ตัวเองยังมีคดีค้างอยู่ในศาล ส่วนที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ดูถูกดูแคลนอดีต ส.ส.ที่ไปอยู่กับพรรคอื่นว่าเป็นเห็บเป็นเหานั้น ตนไม่แปลกใจว่าวิจารณญาณ ของคนที่จบปริญญาตรีแต่งหน้าศพก็คงจะพูดได้แค่นี้ ลองย้อนไปดูตัวเองบ้าง บางพรรคหลับหูหลับตาอยู่กัน เหมือนตัวอะไรที่แกะไม่ออก ภาษาฝรั่งเรียกว่า “ปรสิต” ต้องเตือนความจำกันบ้างว่าพวกที่ครั้งหนึ่งเคยด่าทหารมีแต่ขี้กับไส้ บางพรรคที่อวดศักดาว่าต่อสู้กับเผด็จการมาตลอด แต่เที่ยวนี้ทำไมถึงไปคลุกคลีอยู่กับขี้กับไส้ พอปฏิวัติก็กอดขี้กอดไส้เกาะขาเผด็จการหาประโยชน์ เข้าตัวเอง

ยิงเป็นชุดด่ากราดถึงหัวหน้าพรรค

“นายองอาจเที่ยวพูดจาดูถูกดูแคลนคนอื่น ทำไมคนที่ไปอยู่พรรคอื่นมันชั่วร้ายไม่มีดี ต้องอยู่พรรคตัวเองพรรคเดียวถึงจะเป็นคนดีหรือไง ถ้าเป็นเด็กเขาเรียกว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่มีเวลาอบรมสั่งสอน แต่นี่เป็นนักการเมืองต้องบอกว่าหัวหน้าพรรคไม่ยอมสั่งสอน ตัวหัวหน้าพรรคเองบอกไม่อยากจะตอบโต้กับใคร ไปลอยตัวอยู่ที่ไหนไม่รู้ แต่ปากว่าตาขยิบส่งไพร่ราบพลเลวออกมายืนด่าหน้าค่าย น่าเสียดายที่อุตส่าห์สร้างภาพว่าเป็นผู้ดีอยู่เป็นนาน พอมาเจอเรื่องนี้เข้าหน่อยทำไมถึงสั่นกันไปหมด” นายสมัครกล่าว

นายสุพล ฟองงาม อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายการุณ ใสงาม อดีตส.ส.ร. ระบุมีการซื้อตัวอดีต ส.ส.ภาคอีสานรายละ 40 ล้านบาทว่า เป็นการพูดใส่ร้ายทำให้เกิดผลเสียต่อภาพรวมทั้งหมด หากมีหลักฐานจริงขอให้พูดออกมาให้ชัดเจนว่าใครถูกซื้อ และพรรคไหนไปซื้อบ้าง ยืนยันว่าพรรคพลังประชาชนไม่มีการไปซื้อตัวอดีต ส.ส.อย่างแน่นอน เพราะกระแสความนิยมของพรรคดีมาก ในทางตรงข้ามมีอดีต ส.ส.หลายคนมาเล่าให้ฟังว่ามีพรรคการเมืองอื่นเสนอจะให้เงินบ้าง แต่ไม่สูงถึง 40 ล้านบาท เพื่อให้ ไปอยู่พรรคเกิดใหม่หรือพรรคที่มีอยู่เดิม แต่อดีต ส.ส.เหล่านั้นไม่ไป เพราะถ้าไปก็คงสอบตก “ผมกล้าสาบานว่าพรรคพลังประชาชนไม่ซื้อตัวอดีต ส.ส.ให้เข้ามาอยู่ พรรคแน่ ถ้าเรื่องที่พูดไม่จริงขอให้เราฉิบหาย แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ขอให้เรารุ่งเรือง และถ้าเรื่องที่นายการุณพูดว่ามีการซื้อตัว ส.ส.กันถึง 40 ล้าน เป็นเรื่องไม่จริง ก็ขอให้นายการุณฉิบหายด้วย ผมขอท้า แต่ไม่รู้นายการุณ กล้าสาบานด้วยหรือไม่”

ขู่ฟาดหางถึงอดีต ทรท.111 คน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะตีความคำพูดและการกระทำว่าเป็นนอมินีอย่างไร น.ต.ประสงค์ตอบว่า จะมีบทบัญญัติเรื่องนี้ชัดเจนในร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่า นอมินีจะรวมถึงการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มการเมืองทั้งหลายในขณะนี้หรือไม่ น.ต.ประสงค์ตอบว่า ทุกกรณีหากเข้าข่ายความผิดทั้งทางตรงและทางอ้อมถือเป็นความผิดทั้งนั้น ซึ่งการดำเนินการจัดตั้งพรรคการเมืองของอดีตกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิการเมืองไปแล้ว อาจเห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญยังไม่เสร็จ จึงดำเนินการ แต่ขอบอกว่าหาก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้เมื่อใด หากไม่ยุติจะมีความผิดชัดเจน

คมช.หวั่นคนไทยหลงกระแส-วาทศิลป์

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. แถลงผลการประชุม คมช. ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงกรณีที่กลุ่มไทยรักไทยเข้าไปรวมกับพรรคพลังประชาชน และกรณีนายสมัคร สุนทรเวช ประกาศชัดเจนเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้สมาชิก คมช.แต่ละคนมีความเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกรงว่าประชาชนจะหลงไปกับวาทศิลป์ และกระแสการโฆษณาชวนเชื่อที่พรรคการเมืองดังกล่าวสร้างขึ้น เพื่อที่จะกลับเข้ามาสู่ อำนาจรัฐดังเดิม โดยลืมเรื่องราวในอดีตที่ พ.ต.ท.ทักษิณนำพาประเทศเข้าสู่วิกฤตการณ์เรื่องการทุจริตคอรัปชัน การแทรกแซงองค์กรอิสระ

อย่างไรก็ตาม หน้าที่สำคัญจากนี้เป็นเรื่องที่ประชาชน พรรคการเมือง และองค์กรทั้งหลายโดยเฉพาะสื่อมวลชนว่า ประสงค์จะให้ชาติบ้าน เมืองดำเนินไปในทิศทางใด

ผู้สื่อข่าวถามว่า คมช.เป็นห่วงประชาชนจะเลือกกลุ่มอำนาจเก่าเข้ามาบริหารประเทศ พ.อ.สรรเสริญตอบว่า เราเป็นห่วงสถานการณ์การเมือง เพราะไม่มีการเหนียมอายอีกต่อไปที่จะบอกว่าใครเป็นนอมินีของใคร แต่คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่คนไทยจะง่ายต่อการตกลงใจว่าจะเลือกอะไร โกงหรือไม่โกง