ทรท.ตั้งวงด่ากราดไปทั่ว-เดือดคำพูด ปุ ชูธงยก บางระจัน กู้ชาติ
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 เมษายน 2549 16:35 น.
ทรท.ตั้งวงอัดคนอื่นไปทั่ว ด่ากราดพวกรู้ทัน วอนประชาธิปัตย์มาร่วมมือผ่าทางตันระบอบทักษิณ เลิกต่อต้านการเลือกตั้ง ขณะเดียวกันยังฉุนไม่หายบังอาจไปตรวจสอบความร่ำรวยเกินปกติไปถึงครอบครัว เจ๊แดง อ้างอยู่ดีกินดี เพราะทำงานหนักมาชั่วชีวิต คิดพิลึก ระบุ ปชป.สร้างสถานการณ์พังเวทีเชียงใหม่ แถมฟาดงวงฟาดหางรับไม่ได้คำพูด ชาวบ้านบางระจัน คนกู้ชาติ ไล่อัด ปุระชัย ชี้อย่าดีแต่ปาก
วันนี้ (12 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่พรรคไทยรักไทย ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง พร้อมด้วยนายสุรชัย เบ้าจรรยา คณะทำงานด้านกฎหมายและการเมืองร่วมกันแถลงข่าวประเด็นการเมืองต่างๆ
ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นเทศกาลสงกรานต์ พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งได้เพียงไม่กี่ปี อายุน้อย ทางการเมืองถือว่าเป็นผู้น้อย ในช่วงนี้พรรคจึงถือโอกาสรดน้ำดำหัวให้พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ร่วมกันสร้างสรรค์และผ่าทางตันการเมืองไปสู่การปฏิรูปการเมืองโดยเร็ว เพราะการเลือกตั้งในครั้งนี้ยังไม่แล้วเสร็จ มีปัญหาต้องเลือกตั้งใหม่ 38 เขต ในภาคใต้ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ประชาชนใน 38 เขต อยากเห็นความเรียบร้อยในบ้านเมือง เพราะใช้งบประมาณในการเลือกตั้งและหลายฝ่ายอยากเห็นความพยายามผ่าทางตัน แต่พรรคประชาธิปัตย์ใช้วิธีต่างๆ เคลื่อนไหวชี้นำประชาชนในการลงคะแนน ทำให้การผ่าทางตันยากขึ้น
ร.ท.กุเทพ กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ประกาศเว้นวรรคไปแล้ว ทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น แต่ตอนนี้กลับอึมครึมอยู่ เพราะการแก้ปัญหายังไม่เสร็จ ขอถามพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะสถาบันหลักทางการเมืองว่าจะปล่อยสถานการณ์แบบนี้ไว้ได้อย่างไร ควรหันหน้ามาร่วมมือกันดีหรือไม่ หากผ่าทางตันได้แล้วพรรคไทยรักไทยมีวาระที่ชัดเจน คือ ปฏิรูปการเมืองโดยใช้คนกลางเข้ามาจัดการและใช้เวลาไม่นาน เพราะทุกพรรคจะมีส่วนเสนอความเห็นให้คนกลางแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อแก้ไขเสร็จแล้วก็จะยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่
ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า บ้านเมืองและเศรษฐกิจจะชัดเจนขึ้น แต่หากตอนนี้ยังมีการขัดขวางการเลือกตั้ง และพยายามทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะนั้น หากเป็นแบบนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นอีก เช่น ต้องเลือกตั้งใหม่ อย่าลืมว่าอดีต 3 พรรคฝ่ายค้านก็ยังไม่รู้ว่าจะลงสมัครหรือไม่ มันก็จะอึมครึมแบบนี้ไปเรื่อยๆ จากนี้ไปพรรคจะนำว่าที่ ส.ส.ทั้งสองระบบของพรรคไปเคาะประตูขอคะแนนประชาชนใน 38 เขต เพื่อขอให้ช่วยกันผ่าทางตัน หากพรรคประชาธิปัตย์ยังดำเนินการแบบนี้ต่อไป การผ่าทางตันมันก็ยาก ตนขอร้องให้พรรคประชาธิปัตย์คิดใหม่ทำใหม่ เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาบ้านเมือง ฉะนั้น ในโอกาสนี้ตนจึงขอส่งสารที่จริงใจต่อกันไปให้พรรคประชาธิปัตย์ด้วย
ด้าน นายสุรชัย กล่าวว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ทำอะไรนอกจากใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ดำเนินการตรวจสอบทั้งในและนอกสภาหลายเรื่องที่ไม่ประสบความสำเร็จเลย ล่าสุดนายอลงกรณ์ไปยื่นตรวจสอบการทุจริตบุคคลในตระกูลชินวัตรที่ร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งนายอลงกรณ์ได้นำเรื่องเก่ามาพูดทั้งนั้น เช่น การตรวจสอบนางเยาวเรศ ชินวัตร และความพยายามตรวจสอบที่โยงใยไปยังลูกๆ ของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวหัวหน้าพรรค
ผมไม่เข้าใจว่าคุณอลงกรณ์เล่นอะไร หากคุณอลงกรณ์มีข้อมูลการทุจริตที่ชัดเจนก็ทำไปเลย แต่ควรดูประวัติว่าการร่ำรวยนั้นน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องทำงานและใช้เวลากี่ปี การเมืองนั้นควรสร้างสรรค์ให้ประเทศเจริญดีกว่า เพื่อให้ประชาธิปไตยเต็มใบ อย่าตามล้างตามเช็ดกันเลย วันนี้พวกตนได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมาแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะทำสิ่งใดก็ควรดูว่าสมควรหรือไม่ด้วย เพราะการดำเนินการของคุณอลงกรณ์ต่อ 2 น้องสาว ของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวนั้น นายอลงกรณ์ไม่ควรเล่นแบบนั้นและขอให้ยุติการเคลื่อนไหวดีกว่า นายสุรชัย กล่าว
ร.ท.กุเทพ กล่าวเสริมว่า นายอลงกรณ์เคยเสนอเรื่องเหล่านี้ต่อสภาหลายเรื่องและพิสูจน์ไปแล้วว่าไม่มีมูล วันนี้นายอลงกรณ์ก็ขยายผลเรื่องเก่าอีก การตรวจสอบนอกสภานั้นเป็นหน้าที่ภาคประชาชน แต่วันนี้นายอลงกรณ์สวมบทตรวจสอบนอกสภา ขอถามว่าพรรคประชาธิปัตย์เคยประกาศว่ายึดมั่นรัฐสภา และเป็นสถาบันการเมืองแต่ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ไม่รีบกลับสภาทำ ไม่ใช่การตรวจสอบภายในและพยายามสร้างข่าวรายวัน แม้พรรคประชาธิปัตย์พยายามอ้างว่ามีเจตนาเพื่อประเทศ แต่บทบาทของนายอลงกรณ์ควรดำเนินการในระบบสภาไม่ใช่เล่นนอกสภาแบบภาคประชาชน พรรคประชาธิปัตย์จะเล่นบทนอกสภาอย่างนี้ต่อไปอย่างนั้นหรือ
จากนั้นเวลา 14.00 น. นายเอกพร รักความสุข กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย พร้อมด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย ร่วมกันแถลงประณามการขัดขวางการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีผลต่อความคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันมาก ประชาชนควรไปใช้สิทธิด้วยความบริสุทธิ์ การเมืองตอนนี้กำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง ส.ส.รอบสุดท้าย สิ่งที่เห็นชัด คือ การขัดขวางการเลือกตั้ง หากเป็นกระบวนการในระบบปกติ กกต.ก็แก้ปัญหาได้ แต่สถานการณ์เมื่อวันที่ 2 เม.ย.และวันที่ 23 เม.ย.นั้นการขัดขวางการเลือกตั้งเป็นขบวนการชัดเจน โดยมีหลักฐานคือการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ เช่น 1.ยื่นศาลปกครองให้พิจารณาการเลือกตั้งครั้งนี้ให้เป็นโมฆะ 2.การออกแถลงการณ์ประณามการเลือกตั้งต่อ กกต.ซึ่งมีความชัดเจนว่า 40 กว่าวันที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์พยายาม 1) ควบคุมการเลือกตั้ง โดยออกมาตรการการเมืองทำให้ประชาชนสับสน 2) ขัดขวางการเลือกตั้ง 3) บ่อนทำลายการเลือกตั้งที่หวังผลว่าจะทำให้ไม่เกิดระบบรัฐสภา การออกแถลงการณ์ประณามกกต.ของพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ เท่ากับตั้งใจประณามทุกพรรคที่ลงเลือกตั้งในครั้งนี้
นายเอกพร กล่าวต่อว่า ตามหลักการจะเห็นว่า มาตรา 328 ของรัฐธรรมนูญกำหนดสิทธิของพรรคการเมืองไว้ให้ประชาชนในการแสดงเจตจำนงการตั้งพรรค เพื่อที่จะลงสมัครเลือกตั้งได้ ทุกอย่างเป็นไปตามระบบประชาธิปไตยไม่ใช่ระบอบทักษิณ หลายพรรคที่ส่งผู้สมัคร ส.ส.และพ่ายแพ้โดยไม่มี ส.ส.แม้แต่คนเดียว แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ก็ยังส่งผู้สมัคร เท่ากับว่า ส่งเสริมประชาธิปไตย ซึ่งมันแตกต่างกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างสิ้นเชิง ฉะนั้น พรรคประชาธิปัตย์ควรพึงสังวร และสำรวมพฤติกรรม อย่าสร้างความสับสนให้ประชาชนและบ่อนทำลายการเลือกตั้งวันนี้มีคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งเยอะ เช่น การจ้างวานผู้สมัคร ส.ส.ที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อ้างและกำลังจะขึ้นศาล ซึ่งโทษของเรื่องนี้รุนแรงถึงขึ้นยุบพรรค
นายจตุพร กล่าวว่า แถลงการณ์ประณามฉบับดังกล่าว พรรคประชาธิปัตย์สมควรได้รับการประณามแทน เพราะมีพฤติกรรมชัดเจน คือ ก่อกวนการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ควรใช้เวลาไปคิดนโยบายมาสู้กับพรรคไทยรักไทยดีกว่าเขียนแถลงการณ์แบบนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่าพรรคประชาธิปัตย์รู้เห็นเป็นใจแผนการที่ กกต.เขต และกกต.จังหวัดบางคนในภาคใต้จะลาออกเพื่อไม่ให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นได้ ข่าวนี้มันรั่วไหลออกมาแล้ว และพรรคประชาธิปัตย์พยายามขัดขวางการเลือกตั้งไปนานเท่าใด รัฐบาลรักษาการก็จะอยู่นานเท่านั้น มันอยู่ที่ว่าใครจะขาดใจไปก่อนกัน ส่วนการทำหน้าที่ของพีเน็ตนั้น ตนเห็นว่า ในช่วงหลังไม่มีความเป็นกลางและเป็นองค์การเข้าข้างพรรคประชาธิปัตย์ ขอเรียกร้อง พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานพีเน็ต เตือนบุคลากรในองค์กร เช่น นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ว่าให้ทบทวนบทบาทการทำงานด้วย
นายจตุพร กล่าวอีกว่า หัวหน้าพรรคสั่งให้แกนนำ และว่าที่ ส.ส.ของพรรคไปช่วยหาเสียงในโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง และอาจตั้งเวทีประชันกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น ขอเรียนว่า จะไม่เกิดปัญหาดังที่พรรคประชาธิปัตย์เคยเจอที่ จ.เชียงใหม่ เพราะประชาชนภาคใต้ไม่รู้ข้อมูลและถูกพรรคประชาธิปัตย์ให้ข้อมูลบิดเบือนมาตลอด พรรคประชาธิปัตย์ชอบวางแผนสร้างสถานการณ์ เพราะเหตุการณ์ จ.เชียงใหม่ นั้น เป็นแผนหนึ่งที่วางไว้ เหมือนกับหญิงสาวใส่เสื้อสายเดี่ยวเดินเข้าซอยเปลี่ยว ตนขอเตือนว่าพรรคประชาธิปัตย์อย่าทำตัวแบบนั้นในภาคอีสานและขอฝากประชาชนว่าอย่าหลงกลพรรคประชาธิปัตย์ ควรปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์เดินใส่เสื้อสายเดี่ยวคนเดียวจนแห้งตายไปเอง
ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์โจมตีผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทยที่ได้รับคะแนนน้อยนั้น ขอให้ย้อนไปดูในช่วงที่ นายถนัด คอมันตร์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ชนะเลือกตั้งใน กทม.เพียง 1 คน โดยได้คะแนน 4 พันคะแนน และยังกลับได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และก้าวไปเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้วย
นายจตุพร กล่าวว่า ทั้งนี้ ตนขอให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ตรวจสอบคลื่นความถี่ของวิทยุชุมชนเอฟเอ็ม 97 เมกะเฮิรตซ์ จ.สงขลา ด้วย ตนรู้มาว่าใช้คลื่นความถี่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหากยังไม่มีการกระทำใดๆ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์สมควรพิจารณาตัวเอง เมื่อถามว่าทำไมไม่แจ้งรัฐมนตรีที่ดูแลกรมประชาสัมพันธ์ให้ดำเนินการ นายจตุพร กล่าวว่า หากพูดไปก็จะถูกกล่าวหาว่าฝ่ายการเมืองแทรกแซง เมื่อถามว่าแต่การแถลงข่าวในวันนี้เท่ากับว่าฝ่ายการเมืองแทรกแซงการทำงานของข้าราชการเช่นกัน นายจตุพร กล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นการขอร้องให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์รับเรื่องนี้ไปดำเนินการ
นายจตุพร ยังกล่าวฝากไปถึง ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ว่า เจ้าของฉายาคนดีไม่มีเสื่อม ที่คนไทยยกย่องและออกมาพูดว่ารักชาติ โดยยกตัวอย่างชาวบ้านบางระจันมาอ้างหลายครั้งนั้น ขอให้ ร.ต.อ.ปุระชัย ทำตัวให้เป็นตัวอย่างด้วย เพราะชาวบ้านบางระจันเกิดและตายในเมืองไทย ไม่ใช่ปากบอกว่ารักชาติ แต่กลับไปฝังตัวในนิวซีแลนด์ ส่วนคำพูดของ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาสมาชิกพรรคไทยรักไทย ว่า ลูกกระจ๊อกหน้าเหลี่ยมนั้น ตนอยากเปรียบเทียบเช่นกันว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็มีบอดี้การ์ดหน้าแหลม โดยมีทีมเตี้ยและทีมโย่ง ทีมเตี้ยหรือทีมลูกกะเปี๊ยก มีสมาชิก คือ นายสาทิตย์ และนายอลงกรณ์ พลบุตร ทีมโย่งมี นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรค เป็นต้น