ปชป.ขู่ฟ้อง กกต.ละเว้นฯ - ขีดเส้น 3 วัน เพิกถอนผู้สมัคร 24 เขต

ปชป.ขู่ฟ้อง กกต.ละเว้นฯ - ขีดเส้น 3 วัน เพิกถอนผู้สมัคร 24 เขต

นายถาวร เสนเนียม

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 11 เมษายน 2549 19:28 น.

ปชป.สุดทนขีดเส้น กกต.3 วัน สรุปผลสอบทุจริตเลือกตั้ง พร้อมเพิกถอนผู้สมัคร 24 เขต ระบุ มีหลักฐานความผิดชัดเจน แต่ยังนิ่งเฉย ขู่ถ้ายังไม่ดำเนินการ ถือว่ามีเจตนาจงใจช่วยเหลือผู้สมัครและบางพรรค จะยื่นฟ้องศาลอาญาฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ขณะเดียวกัน ไม่เชื่อ ทักษิณ เรียกทูตเข้าพบแค่ขอข้อมูลท่องเที่ยว มั่นใจต้องต่อรองโครงการเมกะโปรเจกต์

วันนี้ (11 เม.ย.) นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่มีการยุบสภา และมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาแล้วถึง 6 ครั้ง โดยแจ้งเบาะแเสเกี่ยวกับการกระทำผิดการเลือกตั้ง เพื่อให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน ตั้งแต่การว่าจ้างพรรคเล็กให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อให้มีคู่แข่งในการเลือกตั้ง และไม่ต้องใช้เกณฑ์ 20% การปลอมเอกสาร แก้ฐานข้อมูลสมาชิกพรรคของ กกต.ซึ่งจนถึงปัจจุบันแม้ กกต.จะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาสืบสวนสอบสวนแล้วแต่ยังไม่ปรากฏผลสรุปออกมา

นายถาวร กล่าวว่า ในวันนี้ (11 เม.ย.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหนังสือถึง กกต.โดยจะให้ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา ไปยื่นกับ กกต.เพื่อขอทราบความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวน โดยจะให้เวลาในการตอบพรรคประชาธิปัตย์ 3 วัน ซึ่ง หากยังไม่ได้ดำเนินการประการหนึ่งประการใด ให้เกิดผลตามหนังสือร้องเรียน ก็จะถือว่า กกต.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นการดำเนินการให้คุณให้โทษกับผู้สมัครบางคนหรือผู้สมัครหรือบางพรรค หลังจากนั้นจะพิจารณาดำเนินการต่อไป

รองเลขาธิการพรรค กล่าวอีกว่า สำนักงานเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงนามในหนังสือถึง กกต.เพื่อให้พิจารณาเพิกถอนสิทธิผู้สมัครรับเลือกตั้ง ใน 24 เขต ซึ่งผู้สมัครเหล่านี้ขาดคุณสมบัติในเขตการเลือกตั้งหนึ่ง และแพ้การเลือกตั้ง โดยทาง กกต.ยังไม่ได้รับรองการเลือกตั้ง แต่ทาง กกต.กลับมีหนังสือเวียนสั่งการให้ ฉบับลงวันที่ 10 เมษายน 2549 ให้พิจารณารับสมัคร เนื่องจากทาง กกต.โดยเฉพาะประธาน กกต.อ้างว่า เป็นสิทธิของผู้สมัครที่จะสมัครได้ แต่การวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวทาง กกต.จ.สงขลา โดยเฉพาะผู้อำนวยการ กกต.เขต 4 วินิจฉัยว่า อำนาจนี้เป็นอำนาจของผู้อำนวยการการเลือกตั้ง โดยตรง ตามมาตรา 32 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.

ทั้งนี้ หนังสือเวียนดังกล่าวเป็นการแทรกแซงอำนาจ ผู้อำนวยการเขตเลือกตั้ง กกต.ซึ่งผู้ที่ใช้อำนาจในการแทรกแซง คือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ทั้ง 4 คน โดยการแทรกแซงดังกล่าวเริ่มขึ้นด้วยการประชุมกันเมื่อวันที่ 10 เมษายน ประชุมครั้งที่ 40/2549 อ้างว่า สามารถที่จะพิจารณารับสมัครบุคคลที่สมัครเวียนไปเวียนมาได้ อย่างไรก็ตาม กกต.หลายเขตได้ประกาศให้บุคคลเหล่านั้นขาดคุณสมบัติ โดยให้เหตุผลว่ายังมีสถานภาพเป็นผู้สมัครในเขตเดิม อีกทั้ง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.ยังให้สัมภาษณ์ เชิงบังคับให้ ผอ.แต่ละเขตเลือกตั้ง พิจารณารับสมัครผู้สมัครเวียนเทียนให้เป็นผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง สิ่งเหล่านี้ ส่อเจตนาให้เป็นคุณกับผู้สมัครและพรรคบางพรรค หากทาง กกต.ไม่แก้ไขดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์จะดำเนินการฟ้องร้องต่อไป

นายถาวร กล่าวอีกว่า หาก กกต.ยังปล่อยให้มีการเลือกตั้งใน 24 เขต พรรคประชาธิปัตย์ จะฟ้องร้อง กกต.4 คน โดยจะเป็นการฟ้องร้องในศาลยุติธรรมในฐานความผิด การปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เป็นคุณหรือเป็นโทษพรรคการเมืองบางพรรค หรือผู้สมัครบางคน ที่เห็นได้ชัด คือเปิดโอกาสให้ผู้สมัครเวียนเทียนไปเรื่อยๆ ผู้สมัครคนอื่นมีโอกาสเพียงครั้งเดียว แต่คนนี้มีโอกาสเป็น ส.ส.ถึง 2 เขต

ตัวอย่างเช่น เขต 5 สงขลา ในเขต ประพร เอกอุรุ อยู่ระหว่างการพิจารณาการร้องเรียนว่า เลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ จากการกระทำผิดของผู้สมัครบางคน เมื่อได้มีโอกาสสมัครอีกเขตหนึ่ง ก็จะทำให้มีโอกาสได้รับเลือกตั้งถึง 2 เขต แต่เป็นความดีของ ผอ.กกต.เขต 4 สงขลา ที่พิจารณาว่าขาดคุณสมบัติ ก่อนที่หนังสือเวียนจะเดินทางไปถึง

ด้าน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคได้ติดตามการทำหน้าที่ของ กกต.พบว่า เข้าข่ายประพฤติขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขัดต่อกฎหมายอื่น และขัดต่อคำวินิจฉัยเดิมของ กกต.ในกลายกรรมหลายวาระ แต่ กกต.ไม่เคยทำหน้าที่ขัดใจผู้มีอำนาจทางการเมือง ทั้ง 1.กรณีมีผู้สมัครพรรคเล็กเวียนเทียน กกต.ระบุว่า ทำได้ แต่มีคำวินิจฉัยของ กกต.กรณี นายถิรวัฒน์ จำปาไชยศรี ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ได้คะแนนเป็นอันดับ 2 ในระหว่างที่ กกต.ยังไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง นายถิรวัฒน์ ไปสมัครเป็น อบจ.กรณีนี้ กกต.เคยวินิจฉัยว่าเป็นการสมัครซ้ำซ้อน ตัดสิทธิไม่รับสมัคร 2.มีผู้สมัคร ส.ส.หลายพรรคการเมืองถูกร้องเรียน แต่ยังปล่อยให้พรรคที่ถูกร้องเรียนลงสมัครได้

นายองอาจ กล่าวว่า 3.กรณี กกต.เขตเลือกตั้งไม่รับผู้สมัครหลายราย แต่ กกต.กลางให้รับสมัครได้ ตั้งข้อสังเกตเป็นการเข้าด้วยช่วยเหลือหรือไม่ ทั้งที่ กกต.มีอำนาจหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย แต่กรณีที่เกิดขึ้นถูกตั้งข้อสังเกตว่าเข้าไปแทรกแซง กกต.4.พบมีพรรคเล็กลงสมัครสูงถึง 11 พรรค ทั้งที่หลายพรรคการเมืองไม่เคยส่งผู้สมัครับเลือกตั้งเลย และ 5.พบผู้สมัคร ส.ส.พรรคเล็กเพิ่งสมัครเป็นสมาชิกพรรค เมื่อวันที่ 2 ม.ค.2549 เป็นการกระทำที่กลัวขัดใจนายใหญ่นายหญิงหรือไม่ ทำให้พรรคจับได้อีกว่า น.ส.มลิวัลย์ รักเมือง ผู้สมัคร ส.ส.ตรัง เขต 2 พรรคพลังประชาชน และนายณัฐพร ฉายประเสริฐ ผู้สมัคร ส.ส.กระบี่ เขต 1 พรรคพลังประชาชน ซึ่ง 2 คนนี้สมัครสมาชิกพรรค วันที่ 2 ม.ค.ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ พรรคการเมืองต่างๆ หยุดทำการ อยากถามว่าไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคกันที่ไหน อย่างไร

นายองอาจ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่า นายณัฐพร มีชื่อตามทะเบียนราษฎรเป็นนางสาว ทำไมคำนำหน้าไม่ตรงกับที่สมัครเป็นสมัครพรรค หรือเพศยังไม่ชัดเจน เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ และยังมีหลักฐานเป็นหนังสือจาก กกต.กลางด่วนที่สุดถึงประธานกรรมการการเลือกตั้ง จ.กระบี่ ลงวันที่ 10 เม.ย.เพื่อสอบถามถึงการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส. 6 ราย ซึ่ง นายณัฐพร เป็น 1 ใน 6 ราย โดยอ้างว่าสำนักงาน กกต.ได้ตรวจสอบจากระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมืองของสำนักงาน กกต.และแบบแจ้งจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นในรอบปี ซึ่งเป็นข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค.2548 รวมทั้งการแจ้งการรับสมาชิกที่เพิ่มขึ้นในเดือน ม.ค.-ก.พ.2549 ด้วย ชี้ให้เห็นว่า ไปแทรกแซงการทำงานของ กกต.จังหวัด เพื่อให้รับรองคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.พรรคเล็ก สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าต้องการทำให้ ส.ส.ได้ครับ 500 คน โดยไม่คำนึงถึงวิธีผิดชอบชั่วดี แค่ต้องการสนองผู้มีอำนาจ ทำตามใบสั่ง ดังนั้น พรรคจะต้องติดตามตรวจสอบต่อไป

นายองอาจ กล่าวว่า ส่วนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญทูตประเทศมหาอำนาจเข้าพบ พร้อมได้ปฏิเสธไม่ได้หารือถึงโครงการเมกะโปรเจกต์ แต่หารือถึงเรื่องที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศนั้น เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะการไปท่องเที่ยวต่างประเทศไม่จำเป็นต้องเชิญทูตของประเทศนั้นเข้าพบ เหมือนช่วงที่นายกฯเดินทางไปท่องเที่ยวสิงคโปร์ไม่เห็นเชิญทูตสิงคโปรประจำประเทศไทย เข้าพบก่อนไปเที่ยว ดังนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะมีการเจรจาต่อรองเรื่องผลประโยชน์บางอย่าง โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจกต์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์