26 เม.ย. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคุ้มค่าและความเหมาะสมในการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนมูลค่า 1.35 หมื่นล้าน ว่า การจัดซื้อดังกล่าวต้องคำนึงถึงว่าเมื่อมีเม็ดเงินจำกัด ฝ่ายบริหารต้องพิจารณาว่าจะใช้อะไรเป็นอย่างแรก เพราะทราบว่ารัฐบาลมีความจำเป็นถึงขนาดจะยอมยกเลิกโครงการหลักสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค แต่กลับไปซื้อเรือดำน้ำ ตรงนี้ควรต้องพิจารณาว่าอะไรเร่งด่วนกว่ากัน และอะไรคือความคุ้มค่าในภาวะเช่นนี้
ในฐานะเคยเป็นอดีตรมต.กลาโหม เข้าใจในเรื่องความต้องการที่จะมีเรือดำน้ำไว้เพื่อป้องกันประเทศเพื่อความมั่นคง แต่วันนี้บ้านเมืองยังอยู่ในสภาวะปกติ อาจมีบางส่วนที่สามารถที่จะชะลอได้ แล้วนำงบประมาณไปใช้ในสิ่งที่เร่งด่วนกว่า วันข้างหน้าหากมีงบประมาณและมีความสามารถในการหารายได้มากขึ้น มีงบประมาณเหลือเพียงพอ ก็สามารถที่จะซื้อสิ่งที่ต้องการหรือต้องใช้ในอนาคตได้
"เพราะการซื้อเรือดำน้ำเป็นการซื้อที่มีภาระผูกพันในอนาคต เป็นภาระด้านงบประมาณรายจ่ายต่อปี ค่าบำรุงรักษา จึงเป็นภาระระยะยาว ยังไม่รวมถึงค่าบำรุงรักษา การฝึกยุทโธปกรณ์ต่างๆ และจำนวนเรือดำน้ำ ซึ่งต้องดูประกอบว่าน่านน้ำที่ต้องการจำเป็นต้องใช้กี่ลำ เท่าที่ทราบต้องมีเป็นชุด ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถทำงานป้องกันได้
ถ้าสั่งมาเพื่อทดสอบอย่างเดียวก็สามารถซื้อในช่วงที่ไม่เกิดภาวะเร่งด่วนหรือว่ารัฐมีเงินงบประมาณเหลือเพียงพอที่จะใช้ในส่วนนั้นได้ การใช้งบประมาณจะต้องคำนึงว่าเงินอะไรที่ใช้เร่งด่วนก็ต้องใช้สิ่งนั้นก่อน โดยเฉพาะความเป็นอยู่ เรื่องความจำเป็นในการบริหารบ้านเมืองและเรื่องปากท้องของประชาชน จากนั้นสิ่งที่อยากได้ค่อยเป็นความสำคัญอันดับสองรองลงมา
ซึ่งฝ่ายบริหารเท่านั้นที่ต้องใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจเรื่องนี้" อดีตนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกล่าวและว่า ในแง่ความจำเป็นในอนาคต ก็เคารพความต้องการของกองทัพเรือ แต่ควรต้องมาพิจารณาระหว่างความเร่งด่วน และความจำเป็นในการใช้เม็ดเงิน เพื่อความมั่นคงในการที่จะฝึกซ้อมของกองทัพเรือ หรือเทียบกับงบประมาณที่บ้านเมืองมีความต้องการในการใช้เม็ดเงิน ที่เป็นงบประมาณจากรัฐออกไปให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างคุ้มค่า อย่างไหนคุ้มค่ากว่ากัน และมีความจำเป็นเร่งด่วน
อดีตนายกฯ กล่าวว่า สำหรับโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำนั้น การนำเข้ามาพิจารณาในครม.ไม่ควรจะพิจารณาในลักษณะของวาระลับ เพราะเรื่องนี้ประชาชนติดตามกันทั้งประเทศ อย่างน้อยควรให้มีโอกาสได้รับทราบ ถ้าการใช้ริมแดงแบบนี้ตลอดจะไม่มีโอกาสได้รู้
แม้กระทั่งการตรวจสอบความคุ้มค่าในการลงทุนหรือแม้กระทั่งราคาซื้อ ประชาชนทุกคนต้องติดตามเงินงบประมาณที่เกิดจากเงินภาษีของประชาชน ยิ่งยามบ้านเมืองเช่นนี้จะต้องมาช่วยกันดู สมัยที่ตนทำหน้าที่เมื่อพิจารณาแล้วก็ได้ขอให้ทางกองทัพเรือชะลอในการจัดซื้อ และเอาเงินไปพัฒนาส่วนอื่นที่มีความจำเป็นเร่งด่วนแทน