สุรยุทธ์เป็นปลื้ม สอบผ่าน ออกเสียงเกิน 50%

ข้อมูลขณะนี้ มีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เกิน 50%


เมื่อวันที่ 19 ส.ค. เวลา 16.30 น. ที่สถานีโทรทัศน์ แห่งประเทศไทยช่อง 11 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมรายการ “เกาะติด 19 สิงหาวันลงประชามติ” โดยมีนายอดิศักดิ์ ศรีสม เป็นพิธีกร พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวในรายการตอนหนึ่งว่า เท่าที่ได้รับฟังข้อมูลขณะนี้ มีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เกิน 50% ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนไทยทุกคนที่ออกมาใช้สิทธิ์ ถือเป็นการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย เป็นเครื่องชี้วัดของคนส่วนใหญ่เป็นจุดสำคัญที่รับรองร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อจะได้มีโอกาสในหลายๆด้านต่อไป

และเป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนว่าประชาชนมีความตื่นตัวในความร่วมมือ

ให้ข้อคิดเห็นในระบอบประชาธิปไตย ถือว่าสอบผ่าน เป็นการชี้ให้เห็นว่าประชาชนต้องการเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนผ่านตรงจุดนี้ ความดีใจของตนอยู่ที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เกินครึ่งมากกว่าผลจะรับไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ หากประชาชนรับร่างคาดว่ารัฐบาลคงใช้เวลาดำเนินการในการนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยภายในสิ้นเดือน ส.ค.นี้ จากนั้นรัฐธรรมนูญใหม่ก็จะมีผลบังคับใช้

ลั่นต้องรับฟังเสียงส่วนน้อยด้วย


เมื่อถามว่า ยังมีเสียงของประชาชนประมาณ 30-40% ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า

เมื่อมีการออกมาใช้สิทธิ์เกิน 50% ก็หมายความว่านั่นเป็นเสียงส่วนใหญ่ แต่เสียงของผู้ไม่รับร่างฯ เราต้องเคารพด้วย สิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์อย่างที่นายนรนิติ เศรษฐบุตร ประธาน ส.ส.ร.บอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์ สามารถแก้ไขกันได้ อย่างไรก็ตาม ตนได้ติดตามการร่างรัฐธรรมนูญเห็นว่ามีการนำเอารัฐธรรมนูญ 2540 มาปรับแก้ในจุดที่ทำให้เกิดจุดอ่อนขึ้นมา แต่คิดว่าเราควรต้องลองปฏิบัติกันดูอย่างน้อย 4-5 ปี เพราะจะทำให้มีข้อมูลในการแก้ไขได้ เมื่อถามอีกว่า ภายหลังการลงประชามติแล้วห่วงเรื่องที่จะมีการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐธรรมนูญ 2550 หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า เหตุผลคงฟังไม่ขึ้น เสียงส่วนน้อยควรจะยุติ แต่ถ้าจะแก้ไขควรเป็นภายหลังการเลือกตั้งแล้ว และควรใช้ไปก่อนปรับปรุงแก้ไข

เชื่ออำนาจเก่าโอกาสฟื้นยาก


พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้เรียนได้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปลายปีนี้แน่นอน

ช่วงที่น่าจะเหมาะสมน่าจะเป็นหลังงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และต่อจากนี้จะเป็นโอกาสอันดี ที่เราจะได้เริ่มรับฟังแนวทางนโยบายจากพรรคการเมืองที่จะมาดูแลบ้านเมืองในโอกาสต่อไป สามารถเริ่มให้คะแนนในใจก่อนถึงวันเลือกตั้ง ขณะนี้รัฐบาลคงจะดูแลด้านความสงบเรียบร้อย ด้านเศรษฐกิจและกฎหมายใหม่ๆที่จะออกมา เพื่อรองรับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า ดูจากคะแนนประชามติ ถึงเวลาเลือกตั้งเป็นห่วงกลุ่มอำนาจเก่ากลับมาหรือไม่

พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ในส่วนของพรรคไทยรักไทยเก่า ที่ถูกตุลาการรัฐธรรมนูญห้ามดำเนินการทางการเมือง โอกาสคงจะน้อยลงไปด้วย โอกาสที่เข้าบริหารเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลจะน้อยลงไป เมื่อถามว่า มีโอกาสเห็นนายกฯกลับมาเป็นนายกฯอีกหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ไม่มี เมื่อถามอีกว่าเป็นเพราะอะไร เบื่อหรือ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า “ผมไม่ได้ทำด้วยความเบื่อหรืออยาก แต่ทำด้วยหน้าที่”


สัปดาห์หน้านัดถกวันเลือกตั้ง

 

พล.อ.สุรยุทธ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ภายหลังเดินทาง กลับจากเยือนประเทศมาเลเซีย จะนัดหารือเรื่องการกำหนด วันเลือกตั้งทั่วไปร่วมกับประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในสัปดาห์ หน้า เบื้องต้นบอกได้ว่าห้วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ เดือน ธันวาคม ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 80 พรรษา เมื่อถามว่า การที่ร่างรัฐธรรมนูญผ่านการลงประชามติ ทั้งที่มีการรณรงค์ว่าคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ เท่ากับไม่รับเผด็จการทหาร จะเป็นโอกาสที่ทำให้นายทหาร เข้าสู่วงการเมืองมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า เรื่อง การเข้าสู่การเมือง คำว่าทหารคงใช้ไม่ได้ เพราะหมายถึง ผู้ยังอยู่ในเครื่องแบบ ยังรับราชการอยู่ ไปทำงานการเมือง ไม่ได้ แต่ถ้าพ้นจากอาชีพไปแล้วสามารถเข้ามามีส่วนร่วม ทางการเมืองได้ เพราะมีสิทธิในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง


วอนทุกคนมุ่งไปสู่อนาคตที่ดีกว่า

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้จะเป็นไปโดยสงบเรียบร้อย พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า การทำงานทางการเมืองน่าจะเปิดกว้างขึ้น ทุกคนจะมองเห็นช่องทางที่จะก้าวไปสู่ครรลองของระบอบประชาธิปไตย เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต่างมองไปข้างหน้า เพื่อมองเห็นอนาคต ที่ดีกว่าในปัจจุบัน และทุกคนต้องช่วยกัน เราไม่อยากเห็น อนาคตที่ไม่สู้จะดีนัก ถ้าเราช่วยกันทุกคนจะมีอนาคตที่ดีกว่า

ประชาชนเริ่มอยากให้บ้านเมืองมีความปกติสุขทางการเมืองแล้ว

เมื่อถามว่า กรณีที่เอ็กซิทโพลที่ระบุว่า ประชาชนใน พื้นที่ภาคเหนือและอีสานเกือบครึ่งหนึ่งไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ประเมินว่า จะส่งผลอย่างไรต่อการเลือกตั้งทั่วไป พล.อ. สุรยุทธ์ตอบว่า รัฐบาลไม่ประเมิน เพราะไม่ได้ลงเลือกตั้ง แต่คิดว่าสาเหตุที่ทำให้ประชาชนออกมาลงประชามติมาก เพราะอยากเห็นชาติบ้านเมืองพ้นจากสภาวะวิกฤติ อยากให้เปลี่ยนผ่านในช่วงนี้ไป


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์