นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มไทยรักไทยระบุว่า รัฐบาลใช้เครือข่ายของฝ่ายปกครองและท้องถิ่นบังคับให้ประชาชนรับร่างรัฐธรรมนูญว่า ไม่เป็นความจริง ถ้ากระทรวงมหาดไทยทำหนังสือราชการไปก็ต้องติดตะราง เช่นเดียวกับที่มีการระบุจำนวนเงินให้ตำบลละ 2,000 บาท ก็เป็นข่าวโคมลอย สำหรับกรณีที่ประชาชนใน จ.บุรีรัมย์ ระบุว่าได้ รับเงินจากกำนันผู้ใหญ่บ้านให้ไปคว่ำร่างรัฐธรรมนูญนั้น กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ หากเป็นความจริงตำรวจจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ยอมรับว่าข่าวลักษณะนี้มีออกมาอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่จะไปตรวจหาข้อเท็จจริงตามจุดที่ถูกกล่าวอ้าง
มทภ.1 ส่งกำลังพลคุมเข้มทุกพื้นที่
พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคว่ำร่างรัฐธรรมนูญส่งไปรษณียบัตรไปตามบ้านประชาชนเพื่อไม่ให้มาลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญว่า ทราบมาหลายวันแล้ว และได้ประสานงานไปยังหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง แต่ติดขัดในเรื่องของกฎหมาย เพราะเป็นสิ่งพิมพ์โฆษณาสามารถแจกจ่ายได้ อย่างไร ก็ตาม ไม่ห่วงเรื่องนี้ เพราะคิดว่าประชาชนแยกแยะออก การรักใครชอบใคร น่าจะคิดใหม่คิดเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ใช่กระทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ระหว่าง วันที่ 16-18 ส.ค. จะให้เจ้าหน้าที่ทหารลงไปในพื้นที่ให้ มากที่สุด รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พลเรือนและตำรวจ ต้องร่วมมือกันทำงานเต็มที่
กกต.ใช้เด็กเป็นสื่อถึงผู้ปกครอง
เช้าวันเดียวกัน นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมประชาธิปไตยการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติ ที่โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา หรือชื่อเดิมคือโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เขตวังทองหลาง เพื่อให้เยาวชนรับความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติไปถ่ายทอดกับผู้ปกครอง
ยันจัดการทุกรายไม่ไว้หน้า
จากนั้นนายอภิชาตให้สัมภาษณ์ว่า ขอทำความเข้าใจว่าการซื้อเสียงในกฎหมายประชามติไม่มีความผิด แต่คนให้เงินผิดแน่นอน ใครรับไว้แล้วให้มาแจ้งตำรวจได้ สถานการณ์เรื่องการทุจริตในขณะนี้เท่าที่ได้รับรายงานพบว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญมีอยู่มาก มีการก่อความวุ่นวาย
สำหรับการลงโฆษณาหนังสือพิมพ์นั้น ที่ประชุม กกต.พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการแสดงออกทางความคิดเห็น
ยังไม่ถึงขั้นบิดเบือนในเรื่องรัฐธรรมนูญ แต่หากบิดเบือนก็ต้องดำเนินการ ซึ่งในภาคเหนือมีบ้าง เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและดำเนินคดีไปแล้วในบางพื้นที่ เพราะทำให้ประชาชนเข้าใจผิด สับสน โดย กกต. ได้ทำหนังสือไปยัง กกต.จังหวัดทั่วประเทศ หากพบเห็นก็ดำเนินการได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นใคร เพราะ กกต.ถือว่าเป็นผู้เสียหายโดยตรง
สั่ง กกต.ทั่วประเทศหาพยานหลักฐาน
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา กกต.ได้ประชุมพิจารณาผลการสืบสวนสอบสวนการกระทำความผิด โดยแจ้งไปยัง กกต.จังหวัดให้ดำเนินการด้วยความรวดเร็วและชัดเจน เมื่อได้รับแจ้งเหตุการกระทำผิดแล้วขอให้ สืบสวนสอบสวน พร้อมทั้งรวมรวบพยานหลักฐาน หากพบว่ามีมูลให้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรายงานมาที่ กกต.กลางอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ากลุ่มไทยรักไทยปราศรัยโจมตีการทำงานของ กกต.นั้น
ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง ต้องรอรายงานจากเจ้าหน้าที่อีกครั้ง หากพบพยานหลักฐานว่ามีการปราศรัยใส่ร้าย กกต.จนทำให้เกิดความเสื่อมเสีย ก็พร้อมจะแจ้งดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท ยืนยันว่าการทำงานของ กกต.ไม่ได้รับใบสั่งจากใคร และไม่เคยคิดที่จะช่วยใครโกงการออกเสียงประชามติ เพราะตรงนี้ถือเป็นศักดิ์ศรีของ กกต. และงานนี้ถือเป็นงานระดับชาติชิ้นแรก ดังนั้นต้องทำให้ดี ดังนั้นใครที่พูดอะไรออกไปก็ต้องยอมรับความผิดที่พูด หากตรวจสอบพบจะฟ้องทันที