กกต.สั่งเลือกตั้งใหม่เขต 3 สมุทรสาคร - เลิกใช้คูหาพิสดาร
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 10 เมษายน 2549 17:12 น.
กกต.มีมติสั่งเลือกตั้งใหม่เขต 3 สุมทรสาคร พร้อมกับ 39 เขต 23 เม.ย.นี้ หลังเชื่อไม่สุจริตเหตุจำนวนผู้ใช้สิทธิไม่ตรงกับบัตร พร้อมยอมถอยเลิกจัดคูหาหันหลังออก อ้างเพื่อความสบายใจของ ปชช.ผู้ใช้สิทธิ ร่อนหนังสือแจง ผอ.กต.38 เขต อดีตผู้สมัครเขตอื่นย้ายเขตลงสมัครไม่เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามของการมีสิทธิลง ปริญญา เผย กกต.เตรียมพิจารณาผลสรุป 2 อนุกรรมการสอบ ทักษิณ หาเสียงผิดกฎหมายหรือไม่ และการแก้ไขฐานข้อมูลทะเบียนพรรคการเมืองเอื้อพรรคเล็กลงสมัครวันนี้
วันนี้ (10 เม.ย.) นายปริญญา นาคฉัตรีย์ กกต. แถลงภายหลังการประชุม กกต.ว่า กกต.มีมติสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขต 3 จังหวัดสมุทรสาคร ในวันที่ 23 เม.ย. พร้อมกับ 39 เขตเลือกตั้งเนื่องจาก เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงจาก ผอ.กต.จังหวัด ผอ.กต.เขต และกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งแล้วเชื่อว่าน่าจะเกิดจากการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตขึ้น เพราะจำนวนผู้มาใช้สิทธิไม่ตรงกับบัตรเลือกตั้ง รวมทั้งยังพบว่าในบางหน่วยมีการพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ที่มาใช้สิทธิทุกคนทั้งที่ความเป็นความจริงแล้วการรับบัตรผู้มาใช้สิทธิสามารถพิมพ์ลายนิ้วมือและเช็นต์ชื่อก็ได้
โดยการเลือกตั้งดังกล่าวผู้ใช้สิทธิจะต้องเลือกตั้งทั้งในระบบแบ่งเขต และปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งจะไม่มีการเปิดรับสมัครใหม่ เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาไม่ใช่กรณีที่นายสมนึก โพธิ์ทะเลผู้สมัครเลือกตั้งคนเดียวของเขตได้รับคะแนนเลือกตั้งมาไม่ถึงร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่มาจากปัญหาว่าการเลือกตั้งอาจจะไม่สุจริต
นายปริญญา กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งใหม่ในเขตดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนกรรมการประจำหน่วยที่มีปัญหาใหม่ทั้งหมดและให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงว่ากรณีจำนวนผู้มาใช้สิทธิไม่ตรงกับบัตรเลือกตั้งเกิดจากเจ้าหน้าที่ผิดพลาดหรือมีการทุจริตแล้วมีการนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งหากพบว่าผู้สมัครคนเดียวของเขตเข้าไปเกี่ยวกับการทุจริตก็จะนำมาสู่การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในภายหลัง
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการสำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนคูหาเลือกตั้งที่ให้มีการหันคูหาลงคะแนนกลับไปเป็นเหมือนเดิมคือจัดคูหาหันหน้าเข้าหากรรมการ และหันหลังให้กับกระดาน เพราะการหันหลังให้กับกรรมการนั้นทำให้เกิดการแอบถ่ายลอดใต้รักแร้ ทำให้ประชาชนเกิดความไม่สบายใจ จึงให้กลับไปใช้แบบเดิม ซึ่งจะให้ใช้ในการเลือกตั้งล่วงหน้า ส.ว.13-14 เม.ย.นี้ ในการเลือกตั้ง ส.ว.19 เม.ย. และการเลือกตั้งใหม่ ส.ส. 40 เขตเลือกตั้งในวันที่ 23 เม.ย. รวมถึงการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นที่จะมีขึ้น โดย กกต.จะมีการจัดปากกาเตรียมไว้ให้ประชาชนที่ไม่ต้องการใช้ตรายางลงคะแนนด้วย พร้อมกับจะไม่มีการติดรูปผู้สมัครไว้บนกระดานเหนือคูหาลงคะแนน
ผมเคยบอกแล้วว่าไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกที่จะให้การจัดคูหาให้หันหลังให้กับกรรมการ แต่การจัดคูหาหันหน้าหรือหันหลังไม่ได้เป็นปัญหาว่าจะขัดหรือไม่ขัดกฎหมาย เพราะไม่ว่าจะจัดแบบไหนก็ยังจะรักษาความลับของการใช้สิทธิได้ ซึ่งการที่ กกต.กลับไปจัดคูหาแบบเดิมนั้นไม่ได้มีใครขอร้อง เพราะเรามีการวิจัยมาตลอด แต่เห็นว่าครั้งนี้มีการทักท้วงว่าเป็นการรอนสิทธิ จึงคิดว่าเมื่อผู้ใช้สิทธิไม่สบายก็กลับไปจัดคูหาแบบเดิมเพื่อให้ประชาชนสบายใจ นายปริญญา กล่าว
นายปริญญา ยังกล่าวถึงกรณีที่การรับสมัครใหม่ใน 38 เขตเลือกตั้งที่พบว่ามีอดีตผู้สมัครจากเขตอื่นย้ายมาลงสมัครด้วยว่า ได้ทำหนังสือเวียนไปยังเขตเลือกตั้งทั้ง 38 เขตว่าการย้ายเขตมาลงสมัครนั้นไม่ถือว่าเข้าลักษณะต้องห้ามของไม่มีสิทธิลงสมัครตามมาตรา 108, 109 ของรัฐธรรมนูญ แต่ถ้า ผอ.กต.เขตเห็นว่าเป็นปัญหาก็สามารถยื่นเรื่องร้องต่อศาลฏีกาได้
เมื่อถามว่า หาก กกต.ให้ใบเหลืองแล้วสั่งเลือกตั้งใหม่ในเขต ก. แต่ปรากฏว่าผู้สมัครในเขต ก.ย้ายไปสมัครในเขต ข. จะยังถือว่าผู้สมัครคนดังกล่าวเป็นผู้สมัครในเขต ก.ด้วยหรือไม่ นายปริญญา กล่าวว่า ยังถือว่าเป็น
เนื่องจากว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 108 กำหนดให้พรรคการเมืองส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตได้เพียงคนเดียวในเขตนั้น ซึ่งการเลือกตั้งที่เกิดจากกกต.สั่งใบเหลืองถือว่าเป็นการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ไปร้องต่อศาลปกครองขอให้เพิกถอนการรับสมัครใหม่ 38 เขตของ กกต.นั้น ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปชี้แจงและทักท้วงว่าการสั่งให้มีการรับสมัครใหม่เป็นอำนาจของ กกต.ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้เป็นอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่ กกต.มีศาลปกครองจึงไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม เรื่องอื่นๆ กกต.จะนำไปพิจารณาในวันที่ 11 เม.ย. นี้ รวมถึงเรื่องผลสรุปของอนุกรรมกาสืบสวนกรณีกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและกรณีแก้ไขฐานข้อมูลการเลือกตั้งเพื่อให้พรรคเล็กได้ลงสมัครเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้ผลการสอบสวนอยู่ในมือของ กกต.ทุกคนแล้ว แต่ตนยังไม่ได้อ่าน
นายปริญญา ยังชี้แจงกรณีที่หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึกและหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเสนอข่าวเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 49 ว่านายสุวโรช พะลัง อดีตส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ ฟ้องตนและพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกกต. ฐานหมิ่นประมาทว่า มาจากกรณีที่ตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนชาวชุมพรว่านายฉัตรชัย พะลัง ลงสมัครส.ว.ชุมพร ในนามพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ เพราะใช้สัญลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ประกอบการแนะนำตัว ตนจึงทำหนังสือไปถามหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้รับการยืนยันกลับมาว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้สนับสนุนบุคคลใดและไม่ได้ส่งผู้สมัคร รวมถึงนายฉัตรชัย ลงสมัครส.ว.และไม่ได้อนุญาตให้ใครหรือนายฉัตรชัยใช้สัญลักษณ์ของพรรคแนะนำตัว
จึงไม่เข้าใจว่านายสุวโรชจะมาฟ้องตนเรื่องอะไร เพราะเมื่อมีคนสอบถามมาตนก็สอบถามไปยังพรรคประชาธิปัตย์ แต่การจะพิจารณาว่านายฉัตรชัยผิดหรือไม่ต้องเป็นเรื่องของคณะกรรมการซึ่งต้องมีคนร้องเรียนมา แต่กรณีนี้แค่ถามมาเท่านั้น
ส่วนขณะนี้ป้ายแนะนำตัวของผู้สมัครส.ว.ติดอยู่ตามริมถนน เสาไฟฟ้า ต้นไม้ และสถานที่ต่างๆนั้น นายปริญญา กล่าวว่า ป้ายแนะนำตัวผู้สมัครจะติดได้เฉพาะพื้นที่กกต.ประกาศให้ติดได้เท่านั้น หากมีการติดที่อื่นนอกจากที่กำหนดแล้วมีผู้ร้องมากกต.ก็ต้องสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงาน จากนั้นในเวลา 15.00 น.นายชูชาติ ประธานธรรม หัวหน้าพรรคคนขอปลดหนี้ได้มายื่นหนังสือขอความเป็นจาก กกต.โดยขอให้ กกต.ขยายวันรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ เนื่องจากถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าไปสมัคร และขอให้ กกต.กลางสอบสวน กกต.จังหวัดสงขลา ที่ไม่มีความเป็นธรรมเนื่องจากกล่าวหาผู้สมัครของพรรคว่าไม่มีหนังสือส่งตัวจากพรรค ทั้งที่ผู้สมัครมีเอกสารครบและตนในฐานะหัวหน้าพรรคก็อยู่ในสถานที่แห่งนั้นด้วย โดยอยากให้ กกต.มารับสมัครที่กรุงเทพฯ ไม่เช่นนั้นจะทำให้การเลือกตั้งลุล่วงไปได้ เพราะจากเหตุที่เกิดขึ้นได้กลายเป็นสงครามแย่งประชาชนระหว่างพรรคไทยรักไทยกับพรรคประชาธิปัตย์