25 พ.ย.59 ที่โรงแรมแชงกรี-ล่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวแสดงปาฐกถาในงานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (เจเอฟซีซีที) ตอนหนึ่งว่า วันนี้เรากำลังสร้างอนาคตใหม่ของทุกคน โดยยึดหลักการว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งจากการพูดคุยกับบรรดาสมาชิกหอการค้าร่วมต่างก็พึงพอใจการทำงานของประเทศไทย ซึ่งเราขอขอบคุณ การกล่าวปาฐกถาของตนวันนี้อยู่ในช่วงระยะเวลาที่คนไทยอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ ก็ต้องมาช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้สถานการณ์ความเศร้าโศกอาลัยกลายเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศไปสู่อนาคตด้วยความยั่งยืน เราได้สูญเสียพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รัก เทิดทูน และเป็นศูนย์รวมดวงใจคนไทยทั้งชาติมาเป็นระยะยาวนานกว่า 70 ปี พระองค์ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนมาโดยตลอด รวมทั้งได้พระราชทานแนวทางและพระราโชบายในการขับเคลื่อนประเทศตามลำดับอีกด้วย
"วันนี้ผมขอเป็นตัวแทนคนไทยทุกคน และในนามรัฐบาล ขอขอบคุณในน้ำใจที่ทุกคนมีให้เราในยามที่เราอยู่ในภาวะความเสียใจ และการแสดงความอาลัยขณะนี้ต่อการเสด็จสวรรคตของพระองค์ และการที่เราได้มาพบกันวันนี้ ผมถือว่าเราคือเพื่อนแท้และเป็นมิตรในยามยาก ในส่วนของการแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ ผมขอยืนยันว่า ไม่ได้เกิดจากการบังคับหรือการใช้กฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น แต่เกิดจากใจของคนไทยเอง แต่ก็อาจจะมีอยู่บ้างในบางส่วน ทั้งนี้ คนไทยทั้งประเทศซาบซึ้งในพระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงทำไว้ให้เราตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และรัฐบาลนี้มีเจตนารมณ์ที่จะมุ่งมั่นและนำพาประเทศรัฐบาลนี้มีเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ ที่จะมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เพื่อสืบสานพระราชปณิธานและเจริญตามรอยพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการทำความดี เพื่อแผ่นดิน และน้อมนำพระราชดำรัส พระบรมราโชวาทที่ได้ทรงพระราชทานไว้ในโอกาสต่างๆ และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งหลักการทรงงานไปถือปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความสุข ความเจริญในชีวิต และความสงบสุขในสังคมและประเทศชาติ รวมทั้งร่วมกันรักษาเอกราช อธิปไตย เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของชาติบ้านเมืองต่อไป และขอยืนยันกับทุกคนว่า ไม่ต้องกังวลกับสถานการณ์ของไทย เพราะทุกอย่างยังคงมีเสถียรภาพเช่นเดิมทุกด้าน และใช้เวลาอีกไม่นานนัก เราก็จะมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ และเราก็จะทำหน้าที่เหมือนเช่นวันวันที่ผ่านมาในทุกเรื่อง ในหน้าที่ของรัฐบาล" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลขอยืนยันว่าขอเดินตามโรดแมปที่วางไว้ในการไปสู่การเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากลตามที่ได้วางไว้ และหวังว่าทุกคนคงจะคลายความกังวลลงได้บ้าง แม้จะมีความกังวลอยู่กับตาม แต่ขอยืนยันว่า เราจะทำทุกอย่างเพื่อให้ไทยเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ตนไม่เคยปฏิเสธกระบวนการประชาธิปไตยบนโลกใบนี้ ดังนั้น ระยะเวลาที่เหลือจากนี้ไป รัฐบาลก็จะวางรากฐานระยะยาว หรือที่เรียกว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และไม่ว่าใครจะอยู่ใครจะไป ใครจะทำ ตนจะอยู่หรือไม่ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ก็คงต้องอยู่ต่อไปอย่างที่วางไว้ และขอยืนยันว่า รัฐบาลนี้พร้อมเสมอที่จะสนับสนุนให้ทุกประเทศมาลงทุนในไทย และพร้อมขจัดอุปสรรคและปัญหาต่างๆ จะทำให้กติกาเป็นสากล กฎหมายใดที่เป็นอุปสรรคก็จะนำมาพิจารณา และที่ผ่านมารัฐบาลก็ได้ทำการปฏิรูปประเทศในระยะที่ 1 แล้ว ส่วนยุทธศาสตร์ที่กำลังทำอยู่ระหว่างปี 2559 - 2560 คือการก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน และในเรื่องเศรษฐกิจเราได้มอบหมายให้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นผู้ดูแล ดังนั้น คงไม่ต้องมีคำถามว่าโรดแมปคืออะไรอีก เพราะโรดแมปก็คือโรดแมป รัฐบาลพร้อมเดิมหน้าในระยะเวลาที่มีอยู่
"ตนขอยืนยันว่า จะทำตามโรดแมปที่ผ่านมา พูดไม่รู้อีกร้อยครั้งก็ยังถามกันอยู่นั่น ไม่รู้จะถามทำไม ทุกอย่างยืนยันว่า เป็นไปตามโรดแมปที่ว่างไว้ ทั้งการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์โปร่งใสเหมือนทุกประเทศที่มีอยู่ ตนก็มีความต้องการที่จะเดินหน้าแบบทุกประเทศ ไม่ใช่ไม่อยากให้ไทยเป็นเช่นนั้น" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า บางครั้งประชาชนอาจไม่เข้าใจ ซึ่งประชาชนมีหลายระดับ หลายรายได้ แต่ต้องมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน จัดให้เขาเข้มแข็งด้วยตัวเอง เป็นแบบอย่างให้เขาเห็น ตนไม่เคยหยุดคิดแม้แต่วันเดียวเพื่อพวกท่าน ปัญหาคอร์รัปชันเป็นปัญหาสำคัญ ต้องสร้างความโปร่งใส สร้างการตรวจสอบ เพิ่มโทษ ตั้งศูนย์ร้องเรียน สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ รัฐบาลวันนี้เข้ามาผลักดันขับเคลื่อนงานให้เป็นไปตามโรดแมปที่วางไว้ สร้างฐานรากขึ้นมาใหม่ให้เข้มแข็ง ประชาธปไตยเข้มแข็ง พรุ่งนี้ใครจะลงทุนประเทศไทยขอให้ยกมือ ขอบคุณที่มายื่นความต้องการหลายแสนหลายหมื่นล้านบาท ถ้าไม่ทำวันนี้มันจะช้าเกินไป
"อย่ามากังวลตัวผม เข้ามาทำเพื่อท่าน ไม่ได้มาทำลายล้างใคร แต่มาทำเพื่ออนาคตลูกหลานท่าน ยืนยันมุ่งมั่นสร้างบรรยากาศเอื้อต่อการลงทุน ปฏิบัติจริงให้เห็น วันนี้ต้องจบความขัดแย้ง อย่าเอาเรื่องเล็กมาเป็นเรื่องใหญ่ มันจะไปไม่ได้ ประชาชนคือผู้ถือหุ้นบริษัทรัฐบาล รัฐบาลไม่มีกำไรมีแต่ขาดทุน ต้องช่วยสร้างเศรษฐีใหม่ในไทยอีก รัฐบาลทำเองไม่ได้ทุกอย่าง ผมมั่นใจสิ่งที่พูดวันนี้ได้ผลไม่มากก็น้อย ผมไม่ได้รู้สึกว่าเป็นนายกฯ แต่เป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้อง มาช่วยไทยสงบสันติ โดยไม่ใช้กำลัง แต่แก้ด้วยการพัฒนาประเทศ จะได้ไม่มีความขัดแย้ง ไม่เสียเวลา ไม่เสียชีวิต ขอให้มองไทยอย่างเป็นธรรม อย่ามองผมเป็นตัวอุปสรรค แต่เข้ามาขจัดปัญหา ถึงเวลาก็มีคนมาทำอยู่แล้ว ผมพูดด้วยใจ ไม่มุ่งหวังอะไรเลย ไม่ได้มุ่งหวังเป็นอะไร ไม่ได้ต้องการชื่อเสียง แต่ต้องการให้ไทยสงบสุข ตนแก่แล้ว ตั้งใจจะไปเที่ยว แต่สถานการณ์แบบนี้ไปไหนไม่ได้" นายกฯ กล่าว