ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า
จากการประเมินสถานการณ์ล่าสุดในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการลงประชามติ ตนแสดงความเชื่อมั่นว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะผ่านการลงประชามติในวันที่ 19 ส.ค.นี้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรค 4 ล้านคนจะโหวตรับร่างรัฐธรรมนูญ และพรรคยังมีคำสั่งให้สาขาพรรคและสมาชิกพรรคช่วยรณรงค์กระตุ้นให้ประชาชนออกเสียงลงประชามติให้มากที่สุด
เพราะถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ประชาชนไทยได้ใช้สิทธิออกเสียงลงประชามติ
อีกทั้งสาระของร่างรัฐธรรมนูญเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ อย่างไรก็ตามตนรู้สึกกังวลต่อท่าทีของแกนนำกลุ่มไทยรักไทยโดยเฉพาะนายอดิศร เพียงเกษ ที่บิดเบือนประเด็นการลงประชามติในทำนองว่าหากรัฐธรรมนูญผ่าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจะกลับมาเมืองไทยไม่ได้ ซึ่งเป็นการชี้นำที่ไม่ถูกต้องเพราะการลงประชามติเป็นเรื่องของคนไทยทั้งประเทศไม่ใช่เรื่องของคนๆเดียว และรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรก็ต้องกลับมาต่อสู้คดีทุจริตคอร์รัปชั่นยุค”โกงทั้งโคตร”เว้นแต่จะหนีคดีไม่สู้ความจริงกรณีการฉ้อราษฎรบังหลวงที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงภายใต้ระบอบทักษิณ
เมื่อถามถึงแนวโน้มที่พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ประธานคมช. จะลงเล่นการเมือง
อาจทำให้สถานการณ์การเมืองบานปลาย นายอลงกรณ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมแข่งขันกับทุกพรรค ถ้าพล.อ.สนธิ จะลงเล่นการเมืองต้องถอดเครื่องแบบและพ้นจากทุกตำแหน่ง ที่สำคัญต้องไม่ใช้ทรัพยากรณ์ของรัฐทั้งทางตรงและทางอ้อม พร้อมห้ามใช้อำนาจรัฐเข้าไปช่วยเหลือทำให้ได้เปรียบ ถ้าเข้าหลักเกณฑ์ทั้งหมดก็สามารถเล่นการเมืองได้ ต่อข้อถามว่า หากพล.อ.สนธิ ลงเล่นการเมือง อาจจะมีม็อบต่อต้าน พรรคประชาธิปัตย์จะวางตัวอย่างไร นายอลงกรณ์ กล่าว ถ้าพล.อ.สนธิ ทำตามเงื่อนไขข้างต้น ก็ถือว่าเป็นตามครรลองประชาธิปไตย แต่ถ้าใครไม่ดำเนินการตามแนวฟื้นฟูประชาธิปไตย ก็ต้องต่อสู้กับพรรคประชาธิปัตย์