ปชป.แฉทุ่ม 7 หลักจ้างนอมินี 39 เขต - พิลึกสมัครใหม่ ทรท.ได้เบอร์เดิม

ปชป.แฉทุ่ม 7 หลักจ้างนอมินี 39 เขต - พิลึกสมัครใหม่ ทรท.ได้เบอร์เดิม

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 9 เมษายน 2549 12:42 น.

พรรคประชาธิปัตย์แถลงเปิดโปงพรรคใหญ่ทุ่มเงินคนละ 7 หลัก จ้างผู้สมัครนอมินีลงสมัครใน 39 เขต หนีกฎ 20 เปอร์เซ็นต์ แฉมีการย้ายเขตลงสมัครกันให้วุ่น เผย กกต.ทำพิลึกประกาศให้สมัครใหม่ แต่ไทยรักไทยยังได้เบอร์ 2 เบอร์เดิม จี้ประกาศเลือกตั้งโมฆะก่อนเกิดวิกฤตชาติ

วันนี้ (9 เม.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรื่องการเปิดรับสมัครเลือกตั้งใหม่ 39 เขตของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า พรรคประชาธิปัตย์มองการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าวิปริตผิดธรรมชาติอย่างยิ่ง มีการเลือกตั้งที่ไม่ถูกต้อง เป็นการเลือกตั้งที่ไม่ได้หา ส.ส.มาทำหน้าที่อย่างแท้จริง แต่เพื่อหา ส.ส.เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ของคนกลุ่มหนึ่งมาสนับสนุนระบอบทักษิณให้ยั่งยืนคงกระพันโดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรม

นายองอาจ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งข้อสังเกตการจัดการเลือกตั้งของ กกต.7 ข้อ ว่า 1.เป็นการร่วมมือร่วมใจระหว่าง กกต.และรัฐบาล ให้มีการเลือกตั้งขึ้นทั้งที่มีผลผลิตของการยุบสภาโดยไม่ชอบธรรม และในที่สุดก็ผลการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรมจะนำไปสู่วิกฤตอีกครั้ง 2.มีการจ้างพรรคเล็กลงสมัครอย่างเห็นได้ชัด จนต้องมีการถอดสิทธิการเลือกตั้งเกือบ 300 กว่าเขต 3.มีการยักย้ายถ่ายเทข้อมูลผู้สมัคร โดยมี กกต.และผู้มีอำนาจในบ้านเมืองร่วมมือ 4.มีการปรับหน่วยเลือกตั้งให้เพื่อเข้าข้างพรรคใหญ่อย่างเห็นได้ชัด 5.ไม่ใส่ใจการรณรงค์ป้องกันการทุจริตโดยการซื้อเสียง 6.พยายามเลี่ยงกฎหมายเลือกตั้งในหลายมาตรา และ 7.หาช่องทางช่วยพรรคใหญ่อย่างไม่ละอายใจ จึงนำไปสู่การเลือกตั้งอย่างวิปริต

พรรคมองว่า กกต.น่าจะพิจารณาอย่างจริงจังในการเลือกตั้งเป็นโมฆะ แต่ถ้าหาก กกต.ยังดึงดันที่จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง กกต.ก็จะได้ชื่อว่ามีส่วนที่ทำให้ประเทศชาติเกิดวิกฤตอีกครั้ง เพราะการประกาศผลการเลือกตั้งจะนำไปสู่การถกเถียงในหลายประเด็น ทั้งเรื่องจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่แน่นอนว่าไม่ครบ 100 คน ทำให้เปิดประชุมสภาไม่ได้ นอกจากนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเมื่อครบ 30 วันจะมี ส.ส.ครบ 500 คนครบหรือไม่ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

นายองอาจ กล่าวอีกว่า พรรคยังพบปัญหาใหม่ในการเลือกตั้งใหม่ 39 เขต ซึ่งมีผู้สมัครย้ายเขตเลือกตั้ง เช่น ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 1, 2, 3, 6, 8 มีผู้สมัครที่มีสถานะเป็นผู้สมัครในเขตอื่นและกกต.ยังไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ไปยื่นสมัครเลือกตั้งใหม่ใน 2 เขต ได้แก่ นายภักดี นาบุญ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 7 พรรคประชากรไทย แต่ย้ายไปสมัครในเขต 1 และนายกนก จิตมาลา ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 พรรคประชากรไทย แต่ย้ายไปสมัครเขต 2 และนายสุพร จันทร์แก้ว ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 พรรคคนขอปลดหนี้ ย้ายไปสมัครในเขต 9 นอกจากนี้ ยังมีพิลึกพิลั่นแปลกประหลาด กรณีนายประยูร บุญจันทร์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 10 พรรคพัฒนาชาติไทย จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่ง กกต.ไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง และอยู่ระหว่างการพิจารณาเพิกถอนสิทธิเป็นผู้สมัคร ส.ส.ในรอบแรก ทั้งยังมีฐานะเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต 10 อยู่ แต่นายประยูรเดินทางไกลไปเป็นผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดภูเก็ต เขต 2

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เวลานี้พรรคได้รวบรวมผู้สมัครพรรคเล็กที่ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ที่มีผู้แข่งขัน 12 เขต โดยพบว่า มี 6 เขตเป็นการย้ายสมัครข้ามเขต ซึ่งพรรคเห็นว่าการกระทำเช่นนี้น่าจะขัดต่อกฎหมายที่ระบุชัดเจนว่า คนคนเดียวในการเลือกตั้งครั้งหนึ่งมีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งได้เพียงเขตเลือกตั้งเดียว ไม่สามารถโยกย้ายตัวเองไปสมัครได้ทุกเขต จึงไม่ทราบว่า กกต.ปล่อยให้มีกรณีเช่นนี้ได้อย่างไร

นายองอาจ กล่าวอีกว่า กรณีที่มีผู้สมัครคนเดียวและได้รับคะแนนไม่ถึง 20% ซึ่งจะเป็นเรื่องของการเลือกตั้งเดิมไม่ใช่การเลือกตั้งใหม่ ซึ่งหากเป็นการเลือกตั้งใหม่จะต้องออกพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งใหม่ แต่กรณีนี้ยังใช้พระราชกฤษฎีกาเดิม จึงไม่น่าจะมีการประกาศให้มีการรับสมัครใหม่ ซึ่งสามารถประกาศให้การเลือกตั้งทั่วประเทศเป็นโมฆะได้ และเป็นที่น่าสังเกตว่า กกต.อ้างว่าเปิดรับสมัครใหม่แต่พรรคไทยรักไทยยังได้เบอร์เดิม คือ เบอร์ 2 แต่ผู้สมัครใหม่กลับต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการรับสมัคร ซึ่งเป็นความวิปริตผิดธรรมชาติที่จะทำทุกทางเพื่อให้ได้ ส.ส.ครอบ 500 คนจะนำไปสู่วิกฤตของประเทศครั้งใหญ่ในไม่ช้านี้ พรรคประชาธิปัตย์จะมีการประชุมกับฝ่ายกฎหมายในสัปดาห์หน้าเพื่อพิจารณาผู้สมัครที่สมัครข้ามเขต

ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.ระบุว่าจะไม่สามารถประกาศการเลือกตั้งให้เป็นโมฆะได้ นอกจากจะมีวาตภัย หรืออุทกภัย นายองอาจ กล่าวว่า กกต.ครั้งนี้จะให้ กกต.รับใช้ประชาชนหรือรับใช้พรรคการเมือง ซึ่ง กกต.สามารถประชุมและตัดสินใจให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้แต่ กกต.ไม่ทำเพื่อให้เกิดความถูกต้อง หรือจะรอจนกว่าให้ประชาชนออกมาตัดสินใจพิพากษา กกต.

นายองอาจ กล่าวถึงการชุมนุมของประชาชนในจังหวัดสงขลาที่ปิดล้อมในหน้าสถานที่รับสมัครเลือกตั้ง โดยมีการมองว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื่องหลังนั้น ขอยืนยันว่าพรรคไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะพรรคไม่มีนโยบายที่จะกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง อีกทั้งการชุมนุมนั้นไม่ได้เป็นการกีดกันผู้สมัครจนไม่สามารถสมัครเลือกตั้งได้ ซึ่งการดำเนินการของประชาชนครั้งนี้เพราะเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ถูกต้อง และเป็นการกระทำที่ไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

ด้าน นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลปกครองให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะว่า การที่กกต.ประกาศให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ในวันที่ 23 เม.ย.ตามกฎหมายจะต้องมีการจับเบอร์ใหม่ แต่ กกต.กลับประกาศให้พรรคไทยรักไทยได้เบอร์เดิม คือเบอร์ 2 ขณะที่ผู้สมัครจากพรรคใหม่ต้องจับเบอร์ใหม่ ทำให้เกิดการได้เปรียบเสีบเปรียบส่งผลให้พรรคเหล่านี้ต้องประชาสัมพันธ์กันใหม่ ซึ่งวันที่ 10 เม.ย.ศาลปกครองนัดให้ กกต.มาชี้แจงกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ ตนทราบข่าวมาว่าขณะนี้การหาตัวผู้สมัครลงรับเลือกตั้งยากขึ้นจากเดิมที่จ้างให้ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนมาสมัครได้ค่าจ้าง 6 หลัก แต่ขณะนี้หาตัวผู้สมัครยากทำให้มีการปรับตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 7 หลักแล้ว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์