โดม เผือกขจี เจ้าของเฟซบุ๊กเพจ "ขอเถอะครับ" ซึ่งนำเสนอปัญหาของชาวสองล้อมาอย่างต่อเนื่อง แสดงความเห็นว่า หากมองที่เจตนา นโยบายเพิ่มความกว้างช่องทางเดินรถด้านซ้ายนั้นถือว่าดีมาก
"ส่วนตัวขอบคุณนโยบายนี้มาก ที่น่าจะทำให้เราทะเลาะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจน้อยลง มองในแง่ดี เป็นไปได้ว่า ภาครัฐเริ่มขยับขยาย ให้พื้นที่จักรยานยนต์มากขึ้นเรื่อยๆ คงมองเห็นแล้วว่า จักรยานยนต์มีศักยภาพพอที่จะทำความเร็วแซงรถบางประเภทได้เเล้ว ซึ่งอนาคตอาจจะอนุญาตให้พวกเราวิ่งอย่างถูกต้องในเลนอื่นๆ ได้อย่างถูกกฎหมายต่อไป แต่ปัญหาของโครงการนี้คือการสื่อสารในวงกว้าง ผู้ใช้รถใช้ถนนน้อยมากที่ทราบเรื่องนี้"
อย่างไรก็ตามถึงแม้เขาจะเห็นด้วยกับนโยบายนี้ เเต่กลับมองว่ายังไม่ใช่การแก้ไขปัญหาจราจรในระยะยาว เพราะทิศทางที่ถูกต้องคือ แก้ไข พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ให้ชัดเจนว่าจักรยานยนต์สามารถเดินรถได้ในช่องทางที่ 1 2 หรือ 3 ได้ในบางกรณี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังคงต้องอยู่บนพื้นฐาน "รถช้า ชิดซ้าย"
นอกจากนี้ไบค์เกอร์หนุ่มยังเสนอทางออกที่เห็นว่ายั่งยืนในการแก้ไขปัญหาจราจรและการละเมิดกฎหมายอีกด้วย โดยระบุว่าถึงเวลาใช้เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ดุลพินิจของตำรวจ
"ถนนที่มีปัญหา เกิดการกระทำความผิดบ่อย ไม่จำเป็นต้องเอาเจ้าหน้าที่มายืนดักจับใดๆ ทั้งสิ้น เพียงติดตั้งกล้องวงจรปิด และเครื่องตรวจวัดความเร็วในพื้นที่นั้นๆ หากมีการกระทำความผิด จับภาพและส่งบิลไปที่บ้าน ค่าปรับเข้าหลวงหมด เชื่อผม ทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะทุกวันนี้คนไม่กลัวตำรวจ แต่กลัวความผิดและกลัวเสียเงิน ส่วนโทษปรับต้องไม่มีขั้นต่ำ ระบุให้ชัดเจน ไม่ปล่อยให้เป็นไปตามดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ แบบนี้คนทำผิดจะน้อยลง เพราะปัจจุบัน พฤติกรรมคนใช้ถนนเป็นลักษณะลิงหลอกเจ้า มีตำรวจเฝ้า ก็ไม่ทำผิด พอตำรวจไป ก็ทำเหมือนเดิม บางคนให้ส่วยตำรวจจนได้ใจและคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าเป็นกล้องมันคุยไม่ได้ ไม่มีดุลพินิจ และตรงไปตรงมากว่า" โดมทิ้งท้าย
ปัญหาจราจรนับเป็นปัญหาคลาสสิค ที่ต้องหาหนทางเเก้ไขอยู่ตลอด จนกว่าจะได้รับการยอมรับจากสังคมส่วนใหญ่
ที่มา : Posttoday.com