ทรท.ชี้ปชป.-แก๊งการเมืองไม่มีสิทธิ์เรียกร้องเปิดตัวนายกฯ

ทรท.ชี้ปชป.-แก๊งการเมืองไม่มีสิทธิ์เรียกร้องเปิดตัวนายกฯ

ทรท. เรียกร้อง กกต.ใช้กฎหมายจัดการกลุ่มปิดล้อมสถานที่รับสมัครส.ส.ในสงขลา ระบุ ปชป.แก๊งการเมืองกวนการเลือกตั้ง ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องเปิดตัวนายกฯคนใหม่

พรรคไทยรักไทย (8เม.ย.) เวลา 10.30 น.นายวีระ มุกสิกพงศ์ รองประธานภาคใต้ พรรคไทยรักไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย และนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย แถลงข่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองและตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

นายวีระ กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มประชาชนไปปิดล้อมสถานที่รับสมัครผู้สมัครส.ส.ใน จ.สงขลา จนไม่สามารถเปิดทำการรับสมัครได้ พรรคไทยรักไทยจึงอยากเรียกร้องให้มีการบังคับใช้กฎหมายกับคนกลุ่มนี้ ให้โลกประจักษ์ว่าบ้านเมืองยังมีขื่อมีแป การใช้กฎหมู่มาบังคับไม่ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับสมัครผู้สมัครส.ส.ได้แสดงว่าบ้านเมืองไร้การบริหาร กกต. ซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยตรงต้องดำเนินการทางกฎหมายทันที เพราะการกระทำแบบนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงอยากให้มีการถอยจากการกระทำเช่นนี้เสีย

นายวีระ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพรรคไทยรักไทยพยายามทำตามรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด เมื่อ กกต.มีมติเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งใหม่ 39 เขต พรรคก็ส่งผู้สมัครทั้งหมด และทุกพื้นที่จะมีการตั้งเวทีปราศรัย โดยแบ่งเป็น 3 ทีมใหญ่ คือ ทีมที่หนึ่งในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้จะมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยและประธานภาคใต้เป็นผู้ดูแล ทีมที่สองจะอยู่ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ถึงจังหวัดสตูล ซึ่งตนและนายสุธรรม แสงประทุม กรรมการบริหารพรรคดูแล และอีกหนึ่งทีมจะมีนายจตุพร และนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทยลงไปช่วยดูแล

นายวีระ ยังกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยังยึดมั่นว่าให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วใช้มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญในการขอรัฐบาลพระราชทาน ว่า เป็นจุดยืนที่ตรงข้ามกับพรรคไทยรักไทยตั้งแต่ต้นซึ่งหมายความว่าเป็นการไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เพราะมาตรา 7 ไม่สามารถใช้ได้ ถ้ามาตราอื่นตามรัฐธรรมนูญยังสามารถใช้ได้อยู่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ที่ประกาศใช้แนวทางนี้เช่นกันก็น่าเป็นห่วงในทิศทางทางการเมืองของพรรคที่อยู่มาถึง 60 ปีเพราะการใช้มาตรา 7 คือการฉีกรัฐธรรมนูญและไม่เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศว่าจะทำตามครรลองประชาธิปไตย

การกระทำแบบนี้พรรคประชาธิปัตย์ควรลื้อป้ายพรรคทิ้งไป และสมาชิกพรรคก็ควรพิจารณาในการตัดสินใจของผู้บริหารพรรคว่าการไม่ส่งผู้สมัครลงสมัครรับเลือกตั้งนั้นถูกต้องหรือไม่ ถ้าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทั้งประเทศเห็นว่าการกระทำแบบนี้ถูกต้อง ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียหาย แกนนำภาคใต้พรรคไทยรักไทย กล่าว

ด้านนายอริสมันต์ กล่าวว่า หลังจากที่พ.ต.ท.ทักษิณประกาศไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดหน้าและหยุดทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีในรัฐบาลรักษาการ ทำให้ความสามัคคี ความสงบสุข คืนกลับสู่สังคมไทยอีกครั้ง และพรรคไทยรักไทยเห็นว่าทุกพรรคควรเห็นแก่บ้านเมือง ลดทิฐิ ลดศักดิ์ศรี มาทำตามระบอบประชาธิปไตย โดยพรรคประชาธิปัตย์ ชาติไทยและมหาชน เปลี่ยนใจส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งซ่อม เพื่อปลดล็อกรัฐธรรมนูญและให้ยุติการล้างผลาญรัฐธรรมนูญและทำลายพรรคไทยรักไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคไทยรักไทยไม่มีหนทางในการเอาชนะใจประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ได้เลยหรือ นายอริสมันต์ตอบว่า พรรคประชาธิปัตย์รู้อยู่แล้วว่าสามารถปลดล็อกความวุ่นวายในสังคมได้ถ้ามีน้ำใจที่จะทำ พรรคไทยรักไทยกระทำทุกวิถีทางในการเอาชนะใจคนทั้งประเทศอยู่แล้ว แต่ระยะเวลาของเรามันสั้นและเราคิดว่ามันยังไม่พอ ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ก็พยายามบอกประชาชนในภาคใต้ว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นสมบัติของเขา

นายจตุพร กล่าวเสริมว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้พรรคไทยรักไทยประกาศชื่อผู้ที่จะมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรมาเรียกร้องตรงนี้ เพราะที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ทำตัวเป็นแก๊งการเมือง ก่อกวนการเลือกตั้งทุกวิถีทาง ในเมื่อตัวเองไม่ใช่คู่แข่งก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเรียกร้องตรงนี้ แต่ถ้าหากพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง พรรคไทยรักไทยอาจจะพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งพันธมิตรฯ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์มีวิชาการด้วยกันทั้งคู่ เพราะแค่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขนกรอบรูปออกจากทำเนียบรัฐบาลก็ตีความไปแล้วว่ามันเข้ามาตรา 7 การระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณเว้นวรรคเพื่อชักใยอยู่เบื้องหลังก็เพื่อทำให้ประชาชนรู้สึกไม่ดีกับพรรคไทยรักไทยเท่านั้น และถ้าพรรคประชาธิปัตย์และพันธมิตรยังไม่ยุติการกระทำแบบนี้ ผมเห็นว่าทั้งพันธมิตรฯและพรรคประชาธิปัตย์ควรไปจดทะเบียนเป็นองค์กรไม่สมานฉันท์แห่งชาติเลยจะดีกว่า เพราะไม่ต้องการให้ความสงบสุขมีในสังคม รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าว

"ไพโรจน์"ขู่ขุดคุ้ยประชาธิปัตย์ทำชาติสูญ8แสนล้านบาท

ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี เสนอยุบพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ 60 ปีมีแต่ทำลายฝ่ายตรงข้าม ลั่นเปิดสภาขุดคุ้ยป.ร.ส.เช็คบิลปชป.ที่ปล้นชาติเสียหาย 8 แสนล้านแน่ ชี้การเคลื่อนไหวของมุ้งในไทยรักไทย เพื่อเสนอตัวนายกฯคนใหม่ เป็นเรื่องปรกติ

(8เม.ย.) ที่ศูนย์พัฒนาบุคลากร เวียนนาการเด้นรีสอร์ท อ.เมือง จ.นครราชสีมา ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แกนนำกลุ่ม 16 พรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงเรื่องที่มีกลุ่มต่างๆในพรรคไทยรักไทยออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเสนอชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า ว่า ในพรรคไทยรักไทยจะฟังทั้งความคิดเห็นของกรรมการบริหารพรรค สมาชิกพรรค และพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ เพราะการมาเป็นนายกฯในช่วงการปฏิรูปการเมืองการเปลี่ยนผ่านหัวเลี้ยวหัวต่อทางเศรษฐกิจที่จะต้องเยียวยากัน ตอนนี้ต้องเอาผู้ที่สามารถที่จะประนีประนอม เป็นโซ่ข้อกลางที่จะต่อเชื่อมเปลี่ยนผ่านไปสู่การปฏิรูปการเมืองภาค 2 ให้สำเร็จให้ได้

ฉะนั้นก็ต้องฟังจากทุกฝ่ายอย่างหลากหลายและเป็นความเห็นที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยก เพราะทุกคนมีเสรีภาพ มีความคิดเห็นที่จะมองกันได้อย่างหลากหลายไป ตนคิดว่าบรรดาผู้ที่มีความเหมาะสมในพรรคมีหลายคนด้วยกัน ไม่ใช่เพียงแค่ 4-5 คน อย่างไรก็ตามนายกฯทักษิณมองไว้ 4 คน แต่ถ้ามองในบัญชีรายชื่อเรามี 10 คน ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่ดีที่จะเป็นนายกฯได้ แต่ก็ต้องมีความเห็นสอดคล้องกับพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศด้วย ตนคิดว่า ส.ส.แต่ละเขต แต่ละพื้นที่คงจะลงพื้นที่ไปรับฟังความเห็นของพี่น้องประชาชนทุกเขตและคงจะได้ข้อสรุป ซึ่งเรายังมีเวลาเพียงพอที่จะหาข้อสรุปเหล่านั้น

ต่อข้อถามในความเห็นของกลุ่ม 16 และกลุ่มพ่อมดดำต้องการเสนอใครเป็นนายกฯ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ ตอบว่า พวกเราก็เช่นเดียวกันที่จะออกไปรับฟังความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชน และเราเชื่อมมั่นอยู่แล้วว่า มีเกือบ 10 คนที่มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ แต่เราก็ต้องฟังฝ่ายนักธุรกิจ นักวิชาการ ผู้ใช้แรงงาน เกษตรกร ทุกชนชั้นที่มีความเห็นที่หลากหลายและเรานำมาสรุปให้ตกผลึกก่อนแล้วมาประมวลดูว่า ใครที่จะเป็นโซ่ข้อกลางในการนำพาประเทศเปลี่ยนผ่านไปสู่การปฏิรูปการเมือง

ต่อข้อถามถึง ในพรรคไทยรักไทยต้องจำเป็นต้องให้มีความเห็นพ้องต้องกันทั้งหมดว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ว่าคนนี้คนนั้นต้องเป็นนายกฯ มองอย่างไร ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ฯตอบว่า เรายึดมั่นในกติกาประชาธิปไตย ไม่ใช่แบบพรรคประชาธิปัตย์ พรรคทรท.มีอุดมการณ์ มีจิตวิญญาณและมีอุดมคติของตัวเองที่จะให้มีความแตกต่างที่หลากหลายได้ แต่ไม่ใช่แตกแยก แต่เมื่อสรุปออกมาแล้วเราก็ยังเคารพในเสียงส่วนใหญ่

ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ กล่าวอีกว่า วันนี้นายก.ทักษิณ.พยายามใช้ความเป็นขันติธรรม ความอดทนที่จะประคองกฎกติกาของประชาธิปไตย และพ.ต.ท.ทักษิณฯต้องการที่จะเป็นนายกฯที่ประคองกฎหมายรัฐธรรมนูญให้มีผลใช้บังคับให้ได้เพื่อนำพาประเทศก้าวไปตามกติการัฐธรรมนูญ และพี่น้องประชาชนก็พิพากษาออกมาชัดเจนว่า เลือกนายกฯทักษิณ.มากกว่า 16 ล้าน และเลือก 3 พรรคที่บอยคอตต้องการฉีกรัฐธรรมนูญ 8 ล้านเสียงเศษ ฉะนั้นประเด็นความนิยมในตัวนายกฯทักษิณ ไม่ได้น้อยลงกว่าเดิมและไม่ได้มีอะไรที่แปลกแยกไป แต่หลายฝ่ายที่ไม่ชอบนายกฯทักษิณ.หรือต่อต้านอยู่ขณะนี้ก็พยายามไปตีความเข้าข้างตัวเองเท่านั้น

ฉะนั้นเมื่อฝุ่นหายตลบก็เห็นชัดเจนว่า นโยบายของนายกฯทักษิณ.และพรรค ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเดินถูกทิศทางทั้งหมด ฉะนั้นตนคิดว่า 60 ปีพรรคประชาธิปัตย์เห็นชัดเจนว่าเก่งแต่เล่นถ้อยร้อยความทำลายผู้นำประเทศ และทำลายพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีเวลาว่างมากมายไม่มีเวลาทำอะไรเก่งถนัดประดิษฐ์ประด้อยคำพูดใช้วาจาทำลายคนอื่นโดยไร้คุณธรรม จริยธรรม และไม่มีความชอบธรรม นายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสียดายที่มีปากเหมือนปากตลาด เป็นมรดกตกทอดที่สืบทอดเจตนารมณ์ของพรรคประชาธิปัตย์มา ตนอยากจะบอกว่า 60 ปีพรรคประชาธิปัตย์ ยุบพรรคได้หรือไม่ ถ้ายุบพรรคได้ตนว่าประเทศจะไทยเจริญก้าวหน้าและสูงขึ้น เพราะไม่ได้สร้างสรรอะไรให้กับประเทศไทย และ 60 ปีปกครองประเทศร่วมรัฐบาลมายาวนานที่สุดก็คือร่วมรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง 100% เป็นรัฐบาลผสมที่นายกฯไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

" ผมเรียนไปเลยว่าเข้าไปในสภาฯคราวนี้ ผมจะทำในสิ่งที่ผมได้อภิปรายไว้แล้วให้เป็นรูปธรรมชัดเจน โดยจะมีการตรวจสอบในเรื่องทุจริตคอรัปชั่นหลายเรื่องถือว่าเป็นการดี ผมจะทำในเรื่อง ป.ร.ส. ที่ปล้นพี่น้องประชาชนคนไทยไป 8 แสนล้านโดยร่วมหัวกับต่างประเทศ โดยพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของนายชวน หลีกภัย ผมจะทำในเรื่องที่ผมอภิปรายไว้ครั้งนั้นจนประชาธิปัตย์บอยคอตแล้วต้องกลับมานั่งในสภาฯทั้งหมด ผมจะทำเรื่องนี้เป็นรูปธรรมให้ชัดเจนทุกขั้นทุกตอนให้เหมือนกับที่ทำเรื่อง ส.ป.ก.4-01 และผมจะลากคอผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดให้มาเปิดเผยต่อสังคมและให้ได้รับโทษทัณฑ์ที่ได้ก่อไว้ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยและประเทศไทยให้ได้ ในระยะ 6 เดือนนี้ผมจะไม่รับงานอย่างอื่น แต่จะทำเรื่องนี้ให้เป็นผลสัมฤทธิ์และให้พี่น้องประชาชนได้เห็นกันชัดเจนไปเลยว่า คนที่ปล้นและทำร้ายประเทศไทยแสนสาหัสที่สุดแทบจะล้มละลายก็คือพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของนายกฯชวน ขณะนั้นที่ใช้ ป.ร.ส.ปล้นประเทศไทยและพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ " กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยกล่าวในที่สุด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์