จักรภพ ท้า ตร.รอเอาคืน

ห้ามนำอาหารเยี่ยม 8 นปก.หวั่นวางยาพิษ


 ลุ้นวันนี้ 8 นปก.รอด-ไม่รอดคุก “มานิตย์” เตรียมช่องทางสู้คดี ส่งทนายความยื่นคำร้องต่อศาลให้ไต่สวนการออกหมายขัง เพราะทั้งหมดไม่ใช่ผู้ต้องหา กร้าวยังไงก็ไม่ประกันตัว “จักรภพ เพ็ญแข" ท้าตำรวจกองปราบฯคดีดักฟังโทรศัพท์ "อยากแจ้งจับก็เอาเลย" ยันเสียงในโทรศัพท์ของจริงเปล่าตัดต่อ อาฆาต ระวังกรรมสนองกรรม ออกไปเมื่อไหร่เจอเอาคืนแน่
ส่วนบรรยากาศคุมขังวันที่ 4 เริ่มหงอย

ส่วนใหญ่มีเฉพาะญาติพี่น้องเข้าเยี่ยม 8 แกนนำ แม่หิ้วข้าวมันไก่ฝาก "จักรภพ" ส่วน "หมอเหวง" ซดขาหมูน้ำแดง "จตุพร" เปิบส้มตำ-ไก่ย่าง ลูกชาย "ไข่มุกดำ" ขอเห็นหน้าพ่อ ส่วน กก.บห.พรรคพลังประชาชน เปิดตัวเยี่ยมด้วยคน ด้านเจ้าหน้าที่เรือนจำ เบรกด่วน ให้ญาติหิ้วอาหารฝากผู้ต้องหาเป็นวันสุดท้าย หวั่นเจือยาพิษ อ้างเหตุสลดในอดีตเคยเกิดมาแล้ว สนช.ดับเครื่องชน ตั้งญัตติยื่นถอดถอน "จรัล" พ้นเก้าอี้ กก. สิทธิฯ "ประสงค์" แขวะ กก. สิทธิฯ ควรพิจารณาคนที่ทำ ขณะที่พงส. เตรียมออกหมายจับ นปก.เพิ่ม

หน้า "คลองเปรม" เริ่มเหงา

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถนนงามวงศ์วาน สถานที่ควบคุมตัว 8 แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิป ไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ตลอดช่วงเช้า มีครอบครัว ญาติ และกลุ่มผู้สนับสนุนมาเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่คึกคักเหมือนวันจันทร์ที่ผ่านมาที่เรือนจำเปิดให้เยี่ยมเป็นวันแรก โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ตรวจตราบุคคลเข้าออกเรือนจำอย่างเข้มงวด ส่วนด้านหน้าเรือนจำมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น ทั้งในและนอกเครื่องแบบ มารักษาความเรียบร้อย ที่หน้าจุดติดต่อเยี่ยมญาติ เจ้าหน้าที่ต้องประกาศให้ญาติผู้ต้องหาปฏิบัติตามระเบียบของเรือนจำโดยเคร่งครัด ห้ามนำโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป กระเป๋า สตางค์ เข้าในเรือนจำ ก่อนให้ญาติลงชื่อเข้าเยี่ยมพร้อมรับบัตรคิว โดยให้เยี่ยมได้ไม่จำกัดจำนวน แต่วันนี้บางตาลงมาก

แม่หิ้วข้าวมันไก่ฝากลูกชาย

โดยในเวลา 08.00 น. "แม่อี๊ด" มารดา ของนายจักรภพ เพ็ญแข เดินทางมาถึงเรือนจำเป็นคนแรก พร้อมนำข้าวมันไก่มาฝากลูกชาย "แม่อี๊ด" มีสีหน้าสดชื่นขึ้นกว่าเมื่อวานที่คล้ายกับวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำของลูกชาย คาดว่าเมื่อ "แม่อี๊ด" ได้เข้าเยี่ยม และเห็นว่านายจักรภพสบายดี จึงคลายความวิตกกังวล โดยใช้เวลาเยี่ยมเฝ้ามองลูกชายในห้องเยี่ยมนานกว่า 4 ชั่วโมง ส่วนนางนวลพันธุ์ พรหม พันธุ์ ภรรยาของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้นำส้มตำไก่ย่าง ร้านวิเชียรบุรีไก่ย่าง มาฝากสามี ก่อน ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยมเพียงสั้น ๆ ว่า เมื่อวานสามีบอกอยากกินส้มตำไก่ย่างของโปรดจึงนำมาให้ วันนี้ดูเขาหน้าตาสดชื่นขึ้น ส่วนกฎห้ามญาตินำอาหารมาฝากผู้ต้องหาทางเรือนจำอนุโลมให้วันนี้เป็นสุดท้าย

หมอเหวงซด "ขาหมูน้ำแดง"

ต่อมานางธิดา และนายสลักธรรม โตจิราการ ภรรยาและบุตรชายของ นพ.เหวง โตจิราการ ได้นำข้าวสวยกับขาหมูน้ำแดงใส่กล่องหิ้วมาฝากสามี เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่าทางเรือนจำห้ามนำอาหารมาฝากผู้ต้องขัง นางธิดาชักสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ทำกับข้าวมาน้อย เพราะครอบครัวแต่ละท่านได้นำอาหารมากินร่วมกัน หากเรือนจำห้ามญาตินำอาหารมาฝาก ตนเห็นว่าไม่รู้ผิดตรงไหน ควรยกเว้นให้ภรรยาและครอบครัวนำอาหารมาฝากได้ การให้ผู้ต้องขังใช้เงินซื้ออาหารกินเองกับครอบครัวนำอาหารมาให้ ความรู้สึกมันจะต่างกันขนาดไหน อย่างไรก็ตามไม่อยากทำอะไรผิดระเบียบ หากเรือนจำไม่อนุญาตก็ขอมอบขาหมูน้ำแดงกล่องนี้ให้สื่อมวลชนรับประทานแล้วกัน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้นางธิดานำอาหารเข้าเยี่ยมได้เป็นวันสุดท้าย "คุณหมอเหวงยังสบายดี ตื่นเช้าออกกำลังกายทุกวัน จนถูกคุณวีระแซวว่าเดี๋ยวออกไป หมอเหวงจะไปเป็นนักกีฬาแข่งโอลิมปิกแล้ว" นางธิดากล่าวติดตลกหลังเข้าเยี่ยมสามี

1 ส.ค.จ่อยื่นค้านออกหมายขัง


นางธิดา กล่าวถึงการยื่นประกันตัว หลังได้พูดคุยกับสามีและแกนนำว่าทางอาจารย์มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ได้ค้านไม่ให้ยื่นประกัน เพราะเห็นว่าเมื่อแกนนำทั้งหมดยังไม่เซ็นรับทราบข้อกล่าวหา จึงไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่เหตุการณ์เมื่อวันศุกร์ขณะที่ศาลนัดให้ทั้ง 8 คน ไปไกล่เกลี่ยกับตำรวจที่ขอออกหมายจับต่อศาลอาญา พร้อมยื่นไต่สวนคัดค้านการออกหมายจับของตำรวจ แต่กลับถูกตำรวจหักหลังโดยขอให้ศาล ออกหมายขังแทน สร้างความแปลกใจให้กับทุกคนอย่างมาก เพราะตั้งใจเดินทางมาศาลเพื่อไกล่เกลี่ย อาจารย์มานิตย์เลยยื่นเรื่องคัดค้านการขอออกหมายขังของตำรวจอีกครั้งโดยให้ศาลเปิดไต่สวน แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่บอกว่าหมดเวลาแล้วทั้งหมดจึงถูกควบคุมไป สน.สามเสน แต่ทั้ง หมดไม่ยอมรับสถานะตัวเอง ยังยืนยันว่าเป็นผู้ต้องหาปลอม ดังนั้นในวันพุธที่ 1 ส.ค. นี้ ที่ศาลอาญาจะเปิดทำการอีกครั้ง ทางทนายความคงเข้ายื่นเรื่องคัดค้านต่อศาลให้ไต่สวนการออกหมายจับ และการออกหมายขัง ดังนั้นการประกันตัวคงเป็นอีกขั้นตอน หลังจากที่ทุกคนเซ็นชื่อยอมรับตกเป็นผู้ต้องหามากกว่า

แบ่ง 2 กลุ่มเยี่ยม "ฉีกยิ้ม"

ส่วนบรรยากาศภายในห้องเยี่ยมญาติ ทางเรือนจำให้ผู้ต้องหาทั้ง 8 คน แยกกันออกพบญาติเป็น 2 กลุ่ม โดยในห้องเยี่ยมที่ 8 มีนายวีระ มุสิกพงศ์ นพ.เหวง โตจิราการ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส่วนห้องเยี่ยมที่ 9 มีนายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ โดยทุกคนอยู่ในชุดลำลอง ศีรษะตัดผมสั้นเกรียน มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุยกับครอบครัว ญาติ และผู้สนับสนุนอย่างเป็นกันเอง โดยมีเจ้าหน้าที่ยืนควบคุมการสนทนาอย่างใกล้ชิด แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียบรรยากาศ หรือสถานการณ์ตึงเครียดลง ทุกคนสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันอย่างเป็นกันเอง สบาย ๆ ไม่มีอาการเครียด ทั้งเจ้าหน้าที่เรือนจำและญาติต่างเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน การเยี่ยมญาติจึงไม่มีปัญหาเกิดขึ้น

ไม่หวั่นนช. "มือปืน" ประกบ

นายวีระ กล่าวกับญาติที่เข้าเยี่ยมว่า มีอาการเจ็บคออยู่เล็กน้อย ทุกอย่างปกติดี อยู่ดีกินดีเหมือนอยู่ข้างนอก ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนกรณีมีข่าวว่ามีผู้ต้องขังมือปืนเข้ามาใกล้ชิด เกรงว่าพวกตนอาจได้รับอันตรายนั้น คงไม่เกิดอะไรขึ้นเพราะผู้ต้องขังทุกคนในแดนแรกรับกว่า 1,000 คน เหมือนเป็นพี่น้องกัน พูดคุยกันตามธรรมดาไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องการยื่นขอประกันตัวก่อนครบกำหนด 14 วันก่อนย้ายแดน ยืนยันว่าทั้งหมดจะไม่ยื่นประกันตัว แต่จะให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

"จักรภพ" ท้ารบ "ต้องเอาคืน"

ด้านนายจักรภพ กล่าวผ่านญาติถึงกรณีกองปราบปราม เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในคดีดักฟังโทรศัพท์ว่า ไม่มีปัญหา อยากแจ้งจับก็แจ้งเลย เพราะตัวเองเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม การเคลื่อนไหวเป็นการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ใช่การต่อสู้ทางกฎหมาย แต่อยากให้เข้าใจศรัทธาของประชาชนไว้ด้วย เพราะที่ผ่านมาจากเหตุการณ์ที่แกนนำไปพบศาลแล้วถูกตำรวจหักหลัง ทำให้ประชาชนเคลือบแคลงใจในกระ บวนการยุติธรรม โดยขอยืนยันเรื่องดักฟังโทรศัพท์ไม่ได้ทำผิด เพราะเสียงและข้อมูลในโทรศัพท์เป็นเสียงจริงไม่ได้ตัดต่อ อยากจะบอกกับคนที่แจ้งข้อกล่าวหาให้ระวังกรรมจะสนองกรรม หากออกไปเมื่อไหร่จะมีการเอาคืนแน่นอน ที่พูดไม่ได้พูดเพราะโกรธ

"มานิตย์"ยืนกรานไม่ประกันตัว

นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงแกนนำ นปก.รุ่น 2 ที่ต้องการให้ นปก.รุ่นแรกแนะนำแนวทางการเคลื่อนไหวเป็นตัวหนังสือผ่านทางญาติว่า การเขียนหนังสือในเรือนจำส่งไปข้างนอก ต้องผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่เรือนจำ แต่คงไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากข้อความที่ส่งไปถึงแกนนำ นปก. รุ่น 2 เป็นข้อความที่ต้องเปิดเผยอยู่แล้ว ส่วนความเป็นอยู่ในเรือนจำก็ดีไปอย่าง ได้นอน ได้ตื่นเป็นเวลา มีเวลาพักผ่อนเต็มที่ ขณะที่นายมานิตย์ อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากล่าวผ่านญาติว่า ทางกลุ่มจะมอบหมายให้ทนายความไปยื่นคำร้องต่อศาลให้ปล่อยตัวในวันพุธที่ 1 ส.ค.นี้ แต่ยังยืนยันว่าจะไม่ขอยื่นประกันตัวเพราะยังไม่ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาใด ๆ

ในคุกดูทีวีได้ถึงสามทุ่ม

ส่วนความเป็นอยู่ในเรือนจำของกลุ่มแกนนำ นปก.นายธนาชัย พะยอมสวาท รอง ผบ.พิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวว่าได้พูดคุยกับผู้ต้องหาแล้ว ทั้ง 8 คนบอกว่าสบายดี มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุข ทุกคนตื่นนอนแต่เช้ามืด ออกกำลังกาย ทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ ตอนเช้ารับประทานอาหารของเรือนจำ ตอนเที่ยงจะรับประทานอาหารของญาติ ตกตอนเย็นก็อาบน้ำ กินข้าว ขึ้นเรือนนอน ดูโทรทัศน์ได้ถึงสามทุ่ม กลางวันผู้ต้องขังอ่านหนังสือพิมพ์ได้ทุกคน โดยจัดเตรียมไว้แดนละ 2 ฉบับ ติดไว้ที่กระดานส่วนกลาง ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าผู้ต้องขังมือปืนเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับนายวีระ ได้พูดคุยกับตัวผู้ต้องขังคนดังกล่าวแล้ว คงไม่ได้คิดร้าย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และไม่ต้องย้ายผู้ต้องขังคนดังกล่าวไปอยู่แดนอื่น เพราะเขาอยู่ในแดนแรกรับก่อนที่นาย วีระจะเข้ามาในนี้เสียอีก


เบรกของเยี่ยมหวั่นปนยาพิษ


นายธนาชัย กล่าวต่อว่าสำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัย ทางเรือนจำไม่ได้ประมาท จึงสั่งห้ามไม่ให้แกนนำ นปก.ทั้ง 8 คน รับประทานอาหารจากภายนอก หากไม่อยากรับประทานอาหารที่เรือนจำจัดไว้ให้ ก็ซื้อเองได้ที่ร้านสวัสดิการในเรือนจำ "อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ขนาดคนใกล้ชิด เคยมีภรรยานำน้ำมนต์ใส่ยาพิษมาให้สามีกินที่เรือนจำ หวังเงินประกันชีวิต แต่เรือนจำตรวจสอบพบเสียก่อน จึงต้องระมัดระวังเรื่องอาหารเป็นพิเศษ คิดว่าทั้ง 8 คนคงเข้าใจเพราะเป็นความปลอดภัยของพวกเขาเอง" รองผบ.เรือนจำพิเศษฯ กล่าว และว่าส่วนการจำแนกย้ายผู้ต้องหากลุ่มนี้ ไปควบคุมในแดนอื่นเมื่อครบกำหนด 14 วัน ตามระเบียบคงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้ง เพราะภายในเรือนจำมีทั้งคนที่คิดเหมือนกัน และต่างกัน เราต้องยึดความปลอดภัยเป็นสำคัญ

"พปช."เปิดฉากเยี่ยมนปก.

ต่อมาในช่วงบ่าย มีญาติ และผู้สนับสนุนเริ่มเข้าเยี่ยมแกนนำนปก.อย่างต่อเนื่อง เริ่มจากพล.ต.อ.จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธุ์ อดีต รมช. สาธารณสุข กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน (พปช.) พร้อมผู้บริหารพรรคพลังประชาชน ได้เข้าเยี่ยมแกนนำ นปก.ทั้ง 8 คนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พล.ต.อ.จำลอง กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่าได้พูดคุยกันธรรมดา ไม่ได้คุยเรื่องคดี ทุกคนยังสบายดี ด้านกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ นำโดยนายสุชาติ นากบางไซ นำสมาชิก 15 คน เดินทางมาร้องเพลงมีเนื้อหาขับไล่ คมช.บริเวณหน้าป้าย เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ประมาณ 5 นาที ก่อนเดินทางกลับ

"พี่กี้ร์"โผล่ยันชุมนุมอหิงสา

ขณะที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย กล่าวภายหลังเข้าเยี่ยมเป็นวันที่สองว่า ได้หารือเรื่องการพิจารณาของศาล กระบวนการออกหมายจับ การคุมขัง ในวันพุธนี้จะยื่นคำร้องไต่สวนขอปล่อยต่อศาล ก่อนรู้ว่าทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาจริงหรือปลอม แต่วันนี้ทั้งหมดยังเป็นผู้ต้องหาปลอม ไม่ได้กระทำผิด จึงไม่ยื่นประกันตัว ทุกคนยังมีความเด็ดเดี่ยว การออกคำสั่งคุมขังไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะคำสั่งจับกุมต้องเริ่มจากพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ไปขออำนาจศาลเพื่อจับกุมฝากขัง แต่แกนนำทั้ง 8 คน ไปศาลเพื่อไกล่เกลี่ย ยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหาจึงถือว่าเป็นการหักหลัง ส่วนการต่อสู้หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์มีหลักฐานว่าแกนนำนปก. นำประชาชนร่วมชุมนุมโดยอหิงสา เรื่องทั้งหมดเกิดจากผู้มีอำนาจสั่งให้สลายการชุมนุม อย่างไรก็ตามเชื่อว่าศาลจะมีคำสั่งปล่อยตัวทั้ง 8 คน เพราะไม่มีความผิด

ลูกชาย "ไข่มุกดำ" ขอเยี่ยมพ่อ

จากนั้นนางกัลญาณี มีพันธุ์ และนาย วีระภัทน์ มุสิกพงศ์ อายุ 30 ปี บุตรชายของนาย วีระ ได้ถือสมุดวาดเขียนเล่มใหญ่ติดรูป พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร มาให้สื่อมวลชนดู ก่อนติดต่อเข้าเยี่ยม จากนั้นนางกัลญาณีออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เดินทางมาจากอเมริกา มาเยี่ยมแกนนำนปก. เพราะรักประชาธิปไตย ขณะเดียวกันมีพระบุญธรรม จิระบุญโต และพระสุวิทย์ วัฒธโน พระลูกวัด วัดสารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ นำหนังสือประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา 8 เล่ม มาฝากกลุ่มแกนนำ ก่อนออกมาเปิดเผยว่า ได้เข้าเยี่ยมนายจักรภพ นายณัฐวุฒิ เป็นพิเศษ เพราะเห็นว่าทั้ง 8 คน เป็นคนดี มีความศรัทธาส่วนตัว ส่วนในวันพุธนี้ จะมีพระ 9 รูป จากมหามกุฏราชวิทยาลัย เดินทางมาเยี่ยม

ภิกษุณีโวนิมิต "แม้ว" สว่างจ้า

ต่อมาได้มีภิกษุณีพัชรี พงษ์พานิชย์ จาก สำนักปฏิบัติธรรมอมิตพุทธ รัฐแคลิเฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เดินทางเข้าเยี่ยมแกนนำ นปก.ก่อนออกมาเปิดเผยว่า ตนเดินทางมาจากอเมริกาเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว เพื่อเข้าร่วมต่อสู้ วันนี้ตั้งใจมาเยี่ยมนายจักรภพ เพ็ญแข โดยเฉพาะ แต่หลังจากได้พบทุกคนแล้ว พบว่ายังสบายดี จึงให้กำลังใจให้ออกมาต่อสู้เร็ว ๆ พวกเรารอฟังการปราศัยของทุกคนอยู่ เชื่อว่า นปก. จะได้รับชัยชนะในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน ที่ผ่านมาเคยนั่งวิปัสสนาเห็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นแก้วประกายทั้งตัว จึงได้สวดมนต์ภาวนาให้ทุกคนสงบสุข

"สงค์สุ่น" เย้ย "พวกรับจ๊อบ"

อีกด้านหนึ่ง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญและสมาชิก สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยถึงกรณีการชุมนุมของ นปก.ว่า ที่เป็นการเรียกร้องไม่ใช่เพื่อส่วนรวม ทำให้คนไม่อยากเข้าร่วม ไม่ได้มีเงื่อนไขที่จะไปจุดประกายให้คนออกมาร่วมชุมนุมได้ ส่วนคนที่ไปก็เหมือนรับจ้างทำงาน ถ้าไม่ทำก็ไม่มีเงินจะใช้เท่านั้นเอง แต่หากคนพวกนี้ทำผิดกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการเอาผิดอย่างเด็ดขาด จับกุมไปเลย ถ้าไม่ทำเขาก็เห็นว่าภาครัฐอ่อนแอ ก็จะมีการรุกคืบอยู่เรื่อย ๆ หากปล่อยให้เค้าได้ใจ ก็จะเกิดเหตุการณ์ลุกลามไปใหญ่ หากเห็นว่ากระทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ แกนนำมีไม่กี่คนหรอก เราต้องจัดการกับแกนนำ หรือคนที่ทำลายข้าวของของทางราชการ

สนช.ยื่นถอดถอน "จรัล" แล้ว

"ทางสนช.ได้ยื่นญัตติเพื่อขอถอดถอนนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ออกจากตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแล้ว รวมไปถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ก็ควรหันมามองบทบาทการทำงานของตัวเองด้วย ว่าคนของคุณทำแบบนี้แล้วกระเทือนถึงภาพลักษณ์ของกรรมการสิทธิฯ ทั้งหมด ทำไมไม่คิดบ้างว่าทำให้เสื่อมเสียพวกคุณด้วย คุณมีหน้าที่และควรทำ จะมาอ้างสิทธิส่วนบุคคลไม่ได้ หากอยู่เฉย ๆ แบบนี้ ก็ควรยื่นถอดถอนให้พ้นจากตำแหน่งทั้งหมดด้วย ก็ไม่ต้องมีมันเลย"น.ต.ประสงค์กล่าวเสียงเข้ม

เตรียมออกหมายจับเพิ่มรอบ 2

ส่วนเรื่องการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม พ.ต.ท.อาคม จันทนราช รอง ผกก. สส.สน.ปทุมวัน ในฐานะพนักงานสอบสวนคดีกลุ่ม นปก.ก่อความวุ่นวายที่บริเวณหน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา เปิดเผยว่าจะสามารถออกหมายจับกุมผู้ต้องหาชุดที่ 2 ที่ก่อเหตุปะทะกับตำรวจเพิ่มเติมได้อย่างแน่นอน หลังพนักงานสอบสวนตรวจสอบบุคคลที่เข้าข่ายก่อความวุ่นวาย ทำร้ายตำรวจ และทำลายทรัพย์สินของทางราชการ จากภาพที่สื่อมวลชนบันทึกไว้ได้ หากคนใดเข้าข่ายมีความผิดจะพิจารณาขอออกหมายจับทันที โดยในวันศุกร์ที่ 3 ส.ค.นี้ พนักงานสอบสวนจะประชุมหารือกันอีกครั้งว่าจะมีมติขออนุมัติหมายจับเพิ่มเติมอีกกี่คน

คดีดักฟังโทรฯ ป.ก็รุกคืบ

ขณะที่ พ.ต.อ.วิศณุ ม่วงแพรศรี รอง ผบก.ป.เปิดเผยว่าได้สรุปสำนวนการสอบสวนคดีดักฟังโทรศัพท์ และเตรียมนำพยานหลักฐานเสนอต่อศาลอาญา เพื่อขออนุมัติออกหมายจับนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปก.ในความผิดตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 21 เรื่องการดักฟังโทรศัพท์มือถือ หลังจากสืบสวนพบว่านายจักรภพ เป็นผู้นำข้อความการสนทนาของบุคคล 3 คน มาเปิดเผย

ม็อบเล็ก ๆ วอนตร.ทบทวน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายวรัญชัย โชคชนะ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง อ้างตัวเป็นแกนนำกลุ่มเคลื่อนเหนือน้ำพร้อมกลุ่มผู้สนับสนุนประมาณ 15 คน เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผบ.ตร.เพื่อขอให้ทบทวนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ขัดขวางการเดินขบวนและใช้กำลังสลายกลุ่ม นปก.เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.ต.อภิชาติ เชื้อเทศ ผบก.น.6 เป็นผู้รับมอบ.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์