ในยามสถานการณ์ปกติก็ไล่กลับไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน แต่พอเข้าตาจนจริงๆก็ต้องหันกลับไปพึ่งบริการคนแก่
ในที่สุดกลุ่มไทยรักไทยก็จำใจต้องส่งเทียบทาบทามนายสมัคร สุนทรเวช อดีตหัวหน้าพรรคประชากรไทย รับบทกัปตัน ประคองหางเสือเรือแตก
มองเผินๆรูปการณ์มันก็ออกมาแบบนี้ แต่ต้องไม่ลืมว่า คนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ยอม จำนนอะไรง่ายๆ และไม่คิดอะไรแค่ชั้นเดียว
“สมัคร” ไม่น่าจะเป็นแค่ตัวเลือกยามอับจน
เบื้องต้นเลย โดยชื่อชั้นของ “สมัคร สุนทรเวช” ยังขายได้แน่ มีแฟนคลับขาประจำเหนียวแน่น วัดจากฐานคะแนนเมื่อครั้งเลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร และต่อเนื่องมาถึงการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา กทม. ที่แม้จะไม่มีกระแสหนุนส่ง แต่ “สมัคร” ก็ยังเข้าวินด้วยคะแนนอันดับสองของ ส.ว. กทม.
ได้ “สมัคร” มาเสริมฐานเมืองหลวง น่าจะทำให้เสียงของไทยรักไทยแน่นขึ้นมาระดับหนึ่ง
และอย่างว่า “ทักษิณ” ไม่ได้คิดแค่ชั้นเดียว หวังแค่ประคองเสียง พยุงเรือแตก
โดยศักยภาพของนายสมัคร กลุ่มไทยรักไทยยังพอหวังที่จะอาศัยลูกเก๋าของผู้เฒ่า พึ่งบารมี ประสบการณ์โชกโชน ประเภทไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
พะยี่ห้อ “สมัคร” ปากไม่เข้าใครออกใคร พูดแล้วคนยังเชื่อถือสูง
ในสถานการณ์ที่กลุ่มไทยรักไทยและอดีตนายกฯทักษิณตกเป็นฝ่ายตั้งรับ โดนขั้วอำนาจใหม่ไล่บี้ไล่ต้อนหายใจหายคอไม่ทัน ได้ “สมัคร” เป็นตัวออกรับหน้าก็พอจะเบาแรงลงเยอะ
และก็อย่าลืมอดีตของ “สมัคร” คือผู้แทนฯผูกขาดเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พื้นที่เขตทหาร สายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับสีเขียว หรือกับตำรวจก็หนุนเนื่องกันมาตลอด
ภูมิคุ้มกันพอตัว
แต่เงื่อนไขสำคัญสุด สิ่งที่กลุ่มไทยรักไทยและอดีตนายกฯทักษิณติดลบมาตลอด ต่างกับเบื้องหลังของนายสมัครที่รู้กันอยู่ว่า ประเภทขวาตกขอบ แนวหน้าอภิรักษ์จักรี
ไม่ต้องสงสัยในเรื่องความจงรักภักดี
ได้ “สมัคร” มากลบปมด้อย ฝ่ายตรงข้ามจะโจมตีก็ไม่ เต็มปากเต็มคำ
ดูแล้ว “สมัคร” ครบเครื่อง เหมาะอย่างยิ่งกับอาการของกลุ่มไทยรักไทย
แต่ปัญหาก็ใช่จะไม่มีซะเลย อย่างที่รู้กัน ยี่ห้อ “สมัคร” หัวแข็ง คุมไม่ได้
โดยเฉพาะกับ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่ เมืองหลวงไทยรักไทย ก็เคยเป็นโจทก์ฟัดกันมาเมื่อครั้งช่วงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.
เสี่ยงวงแตกได้ตลอดเวลา