สุรยุทธ์ เรียกแบงก์ชาติถกเงินบาท

นายก ฯ ประชุมหารือเสถียรภาพเงินบาท


เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกนายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการรักษาเสถียรภาพในอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที จากนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า ได้หารือมาตรการระยะปานกลางและระยะยาวเพื่อดูแลผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่ง รมว.คลังจะประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้รวบรวมและจัดกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป ส่วนกองทุนเอสเอ็มอีที่จัดไว้ 5 พันล้านบาท ได้มีผู้นำไปใช้บ้างแล้ว 


ระบุไร้ปัญหาคุมเสถียรภาพเงินได้
 


พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวต่อว่า ส่วนปัญหาความผันผวนของค่าเงินบาทขณะนี้สามารถรักษาเสถียรภาพของค่าเงินไว้ได้ ไม่มีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของค่าเงินมากเกินไป โดยผู้ว่าการ ธปท.พูดถึงเรื่องนี้ว่าในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้าเราน่าจะรักษาเสถียรภาพเอาไว้ได้ ส่วนกรณีที่มีการคาดการณ์กันว่าสถานการณ์ค่าเงินบาทมีแนวโน้มจะแข็งขึ้นเป็นอัตรา 32 บาท/ดอลลาร์นั้น ก็คงเป็นการประเมินจากผู้ที่อยู่ภายนอก แต่ในส่วนของภาครัฐ ขณะนี้จะเห็นชัดว่าสามารถรักษาเสถียรภาพเอาไว้ได้และมีความตั้งใจจะรักษาเสถียรภาพของค่าเงินไม่ให้ผันแปรมากเกินไปอย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถบอกได้ว่าเงินบาทจะหยุดอยู่ จุดไหน เพราะสถานการณ์การเงินของโลกก็ยังผันผวนอยู่แต่ทำอย่างไรจะให้มีเสถียรภาพเท่านั้น 


รัฐบาลเตียมหนุนตั้งสถาบันการเงินเอเชีย


ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวรัฐบาลเตรียมกันเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปตั้งกองทุนลงทุนในต่างประเทศ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ยังไม่มีการดำเนินการตั้งกองทุนโดยนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปใช้ เมื่อถามว่า ได้มอบนโยบายให้กระทรวงการคลังอย่างไรเกี่ยวกับกรณี ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมธนาคารโลก 16 ประเทศ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า เป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังน่าจะหยิบยกเรื่องการจัดตั้งสถาบันการเงินในกลุ่มประเทศเอเชียขึ้นหารือในระหว่างประชุมเวิลด์แบงก์ เพราะในปัจจุบันมีเพียงธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เท่านั้นยังไม่มีสถาบันที่มีศักยภาพทางการเงินของกลุ่มเอเชียซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลกในโอกาสข้างหน้าอย่างที่ทราบดีแล้วว่าประเทศจีนจะเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของโลก


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์