ไม่ออกหมายจับ ให้นปก.มอบตัว

ศาลไม่อนุมัติหมายจับ รอกลุ่ม นปก.มอบตัวเอง


หลังตำรวจยื่นศาลขอหมายจับ 9 แกนนำ นปก.ด้วย 2 ข้อหา มั่วสุมเกิน 10 คนและปลุกระดมยั่วยุ แต่แกนนำ นปก.ยื่นขอซักค้านพยานมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถสืบพยานได้แค่ 2 ปากจากทั้งหมด 7 ปาก และศาลได้นัดสืบพยานต่อในวันที่ 25 ก.ค.นี้


7 แกนนำยื่นหลักฐานซักค้าน
 


ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 25 ก.ค. นายวิชัย ช้างหัวหน้า รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา พร้อมองค์คณะผู้พิพากษา ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคำร้องขออนุมัติหมายจับ ที่ พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน ผู้ร้อง ขอให้ศาลออกหมายจับ 9 แกนนำ แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายอภิวัน วิริยะชัย นายจรัญ ดิษฐาอภิชัย และนายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และข้อหาสั่งการหรือยั่วยุปลุกระดมให้กลุ่มบุคคลกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงาน

พร้อมกันนี้ได้มีการนำภาพวิด๊โอวันเกิดเหตุการณ์มาประกอบการพิจารณา

จากกรณีเกิดการปะทะกันระหว่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กับม็อบ นปก.ที่หน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการไต่สวน ฝ่ายแนวร่วม นปก. ซึ่งมี นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ นายอภิวัน วิริยะชัย และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ได้เดินทางมายังห้องพิจารณาคดี พร้อมกับนำวีดิโอเทปบันทึกภาพเหตุการณ์คืนเกิดเหตุมาประกอบคำร้องขอคัดค้านการออกหมายจับด้วย ซึ่งศาลรับเทปหลักฐานไว้พิจารณาแล้ว ให้มีการไต่สวนคำร้องต่อไป 



ศาลลงความเห็นว่าสามารถไกล่เกลี่ยได้ไม่ออกหมายจับ
 

ต่อมาศาลได้แจ้งให้คู่ความทั้งสองฝ่ายทราบว่า กระบวนการออกหมายจับผู้ต้องหา ก็เพื่อให้ได้ตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการสอบสวนและฟ้องร้อง ดังนั้น หากพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาโดยตรงก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีการไต่สวนคำร้องขอออกหมายจับต่อไปอีก คู่ความทั้งสองฝ่ายจะยินยอมให้ศาลเป็นผู้ไกล่เกลี่ยหรือไม่ ปรากฏว่าทั้งสองฝ่ายยินยอมที่จะรับฟังข้อเสนอของกันและกัน โดยได้ข้อสรุปว่า ผู้ต้องหาพร้อมจะรับฟังข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวน ตามคำร้องออกหมายจับ ขณะที่ฝ่ายพนักงานสอบสวนแถลงว่า หากผู้ต้องหาพร้อมจะเข้ารับฟังข้อกล่าวหาก็ไม่ประสงค์จะออกหมายจับ และจะขอถอนคำร้องออกหมายจับ จากสารบบความของศาล โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้ต้องหาจะต้องมารายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาเท่านั้น


มีการนัดรับข้อหาในวันที่ 26 ก.ค.นี้


ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อผู้ต้องหาพร้อมที่จะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวนเพื่อต่อสู้คดี ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไต่สวนคำร้องออกหมายจับ จึงมีคำสั่งให้ผู้ต้องหาทั้ง 9 คน เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับแจ้งข้อกล่าวหา ที่ห้องประชุมอาคารศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 26 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ทั้งนี้ ให้ นายธันว์ บุณยะตุลานนท์ เลขานุการศาลอาญา เป็นผู้ประสานงานทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อผู้ต้องหารายใด รายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้ว ให้แถลงต่อศาลเพื่อให้มีผลต่อการถอนคำร้องขอออกหมายจับของผู้ต้องหาคนนั้นเด็ดขาด แต่หากผู้ต้องหาคนใดไม่มาศาลในวันดังกล่าว ให้ยกคดีตามคำร้องขอออกหมายจับ เฉพาะผู้ต้องหาคนนั้นต่อไป 


ตำรวจเห็นพ้องหากไต่สวนยิ่งยืดเยื้อ


ด้าน พล.ต.ต.เจตต์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการออกหมายจับก็เพื่อต้องการนำตัวผู้ต้องหาไปทำการสอบสวน แต่เมื่อผู้ต้องหามีความประสงค์ที่ต้องการจะพบพนักงานสอบสวนและต้องการไกล่เกลี่ยก็เห็นพ้องกับวัตถุประสงค์ของตำรวจ นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะถ้าหากมีการไต่สวนต่อไป อาจต้องใช้เวลานานมาก เนื่องจากพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเป็นเทปบันทึกภาพ มีจำนวนมาก ศาลจะต้องใช้เวลาในการพิจารณานาน และคงไม่แล้วเสร็จในวันนี้ แม้กระทั่งวันพรุ่งนี้ก็ไม่แน่ว่าจะเสร็จหรือไม่ 


“ป๋า” ย้ำคนไทยต้องแทนคุณแผ่นดิน
 


นอกจากนี้ วันเดียวกัน ที่อาคารใหม่ สวนอัมพร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้สัมภาษณ์ที่อาคารใหม่ สวนอัมพร หลังเป็นประธานเปิดงาน “ร่วมตอบแทนบุญคุณแผ่นดินอาสาสมัครประพฤติและรณรงค์ ลด ละ เลิก ทุจริต คอรัปชัน” โดยระบุถึงเหตุการณ์ที่มีม็อบไปปราศรัยโจมตีที่หน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ว่า ตนทำงานรับใช้ชาติบ้านเมืองมาเยอะแล้ว ฉะนั้นก็จะยึดมั่นในสิ่งนี้ และจะทำไปจนตาย ดังนั้นก็จะไม่หวั่นไหว ไม่ท้อถอย จะทำทุกอย่างเพื่อให้ชาติบ้านเมืองมีความสงบสุขเรียบร้อย และอยากจะขอร้องว่าพวกเราคนไทยควรจะช่วยกันดูแลชาติบ้านเมือง ด้วยความสงบเรียบร้อย พร้อมกันนี้ พล.อ.เปรมยังฝากข้อคิดไปถึงคนรุ่นใหม่ด้วยว่า ไม่ว่ารุ่นไหน ต้องรู้สึกเหมือนกัน คือต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน และเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็เห็นแก่ชาติบ้านเมือง 


“สนธิ” ขู่ใช้ ก.ม.สยบผู้ชุมนุม
 

ขณะที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ที่ ททบ.5 ถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองว่า การเมืองมีความพลิกผันตลอดซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องนำมาวิเคราะห์ว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายเป็นหลัก ส่วนการดำเนินการกับผู้ชุมนุม คิดว่าจะใช้มาตรการตามกฎหมายให้ชัดเจน และคงต้องดูอีกทีเรื่องการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน


สังคมจะต้องเร่งรัดวินัยคนในชาติและพัฒนาให้มากขึ้น

พร้อมกันนี้ ประธาน คมช.ยังกล่าวว่า ตอนนี้คนในชาติต้องนำไปพิจารณาว่าการที่เราจะเชิดชูคนดีหรือเชิดชูคนไม่ดี จะต้องใช้วิจารญาณให้ดี ไม่เช่นนั้นสังคมจะเกิดความสับสน เพราะเป็นรากฐานของสังคมทุกสังคมที่จะต้องมีกฎระเบียบกติกา ดังนั้นสิ่งที่จะต้องเร่งรัด คือ วินัยของคนในชาติที่ต้องเร่งพัฒนาให้มากขึ้นเช่นในประเทศที่เป็นระบอบสังคมนิยม เขาเจริญมากในเวลานี้ เพราะคนในประเทศเขามีวินัย


“สุรยุทธ์” สั่งฟันม็อบละเมิดข้อตกลง
 


ในส่วนของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงการประเมินผลกระทบและสถานการณ์ภายหลังศาลมีคำสั่งให้ 9 แกนนำนปก.เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 26 ก.ค.นี้ ว่าการดำเนินการเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่และทางศาลที่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องรายละเอียด แต่ได้คุยกับประธาน คมช.เรื่องของที่จะต้องทำความตกลงกันให้ได้ชัดเจนว่า ถ้าจะมีการชุมนุมก็ต้องอยู่ในบริเวณที่กำหนด ไม่สร้างความเดือดร้อน ไม่สร้างความยุ่งยาก นอกเหนือจากการที่ได้ตกลงกันไว้แล้วนั้น ไม่ควรจะเกิดขึ้น และหากว่าละเมิดสิทธิคนอื่น ก็คงจะดำเนินการตามกฎหมาย


พล.อ.สุรยุทธ์ยืนยันอีกว่าไม่ได้มองม็อบเป็นฝ่ายตรงข้าม

แต่คิดว่าเป็นการละเมิดกฎหมายของผู้ชุมนุม ไม่ควรจะเกิดขึ้น อย่างที่ตำรวจได้กล่าวไว้แล้วว่าในการพูดกันในเบื้องต้นนั้น จะเป็นการดำเนินการเคลื่อนไหวโดยสันติวิธี ถึงแม้ว่าทางตำรวจจะยอมให้มีการเคลื่อนไหวออกมา ก็ต้องเป็นการเคลื่อนไหวโดยสันติวิธี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับมีการใช้ความรุนแรง ซึ่งถือว่าละเมิดข้อตกลง มีการทำลายทรัพย์สิน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นของ กทม.หรือตำรวจ ซึ่งก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย และยังเชื่อว่าต่างประเทศเข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้น เท่าที่ติดตามข่าวที่สำนักข่าวต่างประเทศส่งออกไปนั้น ก็เป็นไปในลักษณะที่กลุ่มพีทีวีเป็นฝ่ายเริ่มใช้ความรุนแรงก่อน 


ไม่ได้ตั้งธงปราบผู้ชุมนุม แต่จะดูแลความเรียบร้อยก่อนถึงวันเลือกตั้ง

เมื่อถามอีกว่า ตอนนี้มันเลยจุดตกลงไปแล้ว เพราะเห็นการกระทำของกลุ่มนี้อยู่แล้วว่าจุดประสงค์ต้องการอะไร พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า เลยแล้วก็คงเป็นเรื่องตามกฎหมายอย่างที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้คือเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เมื่อทำผิดกฎหมายก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เมื่อถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามใช้วิธีการแข็งกร้าว และท้าทายอำนาจรัฐตลอดเวลา นายกฯมีธงในใจในการดำเนินการหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ ตอบว่า ไม่ได้มีอะไร ธงก็คือที่จะดูแลสถานการณ์ของบ้านเมืองในทุกๆด้านที่จะไปถึงวันเลือกตั้ง ให้มีการเลือกตั้ง และมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง


จับตา ทักษิณ ชักใยอยู่เบื้องหลัง


ผู้สื่อข่าวถามว่า การเคลื่อนไหวของม็อบในครั้งนี้ นายกฯคิดว่ามีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ก็คงจะต้องฟังข้อมูลต่างๆ เรายังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนในส่วนนี้คงต้องฟังว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง มีผู้ที่ให้การสนับสนุนอย่างไรบ้าง เมื่อถามต่อว่า ที่มีการมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้การสนับสนุนเป็นผู้สนับสนุนม็อบให้เคลื่อนไหว พล.อ. สุรยุทธ์ตอบว่า ก็เป็นเรื่องที่คาดคะเนกัน พ.ต.ท.ทักษิณก็สัมภาษณ์ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูกันต่อไป 


รัฐบาลจะต้องพิจารณาขั้นตอนก่อนการลงมือทำอะไร

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีที่มีนักข่าวได้รับบาดเจ็บจากเหตุเมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค.ด้วยว่า ก็ให้นักข่าวที่บาดเจ็บไปแจ้งความได้ และยืนยันไม่อยากเห็นคนไทยต้องใช้ความรุนแรง จนกระทั่งทำให้เกิดปัญหาถึงขั้นเสียชีวิต โดยพยายามจะคุมสถานการณ์ให้ได้ ส่วนการจะประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ คงอยู่ที่สถานการณ์ รัฐบาลจะต้องพิจารณาในแต่ละขั้นตอนว่า ควรจะใช้อะไรมากน้อยแค่ไหนอย่างไร อย่างที่พูดกันในขณะนี้ว่าจะใช้ ยาอ่อนยาแรงอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาสถานการณ์ คงไม่สามารถบอกได้ว่าจะใช้อย่างนี้อย่างเดียว จะใช้ยาแก้ ปวด อย่างเดียวหรือใช้ยาแดงทาแผลอย่างเดียวคงไม่ได้ 


พล.อ.สุรยุทธ์ปฏิเสธไม่ได้ตบตาคนดู
 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้ถึงที่สุดแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่าขณะนี้ 2 ฝ่ายกำลังเกี้ยเซี้ยะกันตามที่หลายฝ่ายมองโดยที่ฝ่ายหนึ่งต้องการจะออกกฎหมายควบคุม ขณะที่อีกฝ่ายคอยยั่วยุ ประชาชนจึงมองว่ารัฐบาลไม่ยอมทำอะไรเลย พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า จะให้รัฐบาลไปทำอะไรครับ อย่างที่ทำตอนนี้ก็ถูกต้องทำนองคลองธรรมอยู่แล้ว หากว่าท่านอยากจะมาเป็นผู้บริหารก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในความคิดของผมเองเราก็ดูว่าเราได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว เราคงไม่ได้ เกี้ยเซี้ยะ แต่เราอยากเห็นสถานการณ์ที่มีความสงบมากกว่าสถานการณ์ที่มีความรุนแรง 


นายกฯ ให้ 1 ล. ดูแล ตร.เจ็บ
 


สำหรับอาการบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ รับบาดเจ็บจากเหตุสลายการชุมนุม โดยเมื่อสายวันเดียวกัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. กล่าวภายหลังที่เข้าพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุม และได้รับบาดเจ็บ ได้มอบเงินให้จำนวน 1 ล้านบาทเพื่อไปดูแลสวัสดิการตำรวจ เมื่อคืนวันที่ 24 ก.ค. ไปตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองกำกับการ ปจ.บก.สปพ. ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 46 คน วันนี้ จะไปเยี่ยมตำรวจที่บาดเจ็บที่โรงพยาบาล และที่ออกจากโรงพยาบาลจำนวน 206 คน ส่วนที่เหลือจะให้เป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบเพื่อให้เป็นขวัญกำลังใจ


ย้ำห้าม นปก.ออกนอกพื้นที่


พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวอีกว่า เรื่องออกหมายจับแกนนำกลุ่ม นปก.นายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งอะไรเป็นพิเศษ แต่ได้ให้เป็นนโยบายมาดูแลบ้านเมืองให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยให้ได้ การรักษาความสงบภายในเป็นหน้าที่ของตำรวจ นายกฯได้สั่งให้ดูแลและใช้วิจารณญาณให้ดี ส่วนเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ให้ข้อมูลไปแล้วว่าต่อไปนี้ผู้ชุมนุมจะต้องอยู่ที่ท้องสนามหลวงเท่านั้น ห้ามออกมาข้างนอกเด็ดขาด ขอย้ำอีกว่า ต่อไปนี้จะไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนออกจากสนามหลวง  ถ้าจะชุมนุมได้ที่ท้องสนามหลวงเท่านั้น ถ้าออกมาถือว่าเจตนา และจงใจ ทำไมต้องมาที่หน้า ทบ.ด้วย ในเมื่ออยากชุมนุมจัดให้แล้วทำไมต้องแหกต้องฝ่าฝืนด้วย จะมาอ้างสิทธิอันชอบธรรมไม่ได้ เพราะมันสร้างความเดือดร้อนผู้อื่น 


บิ๊ก ตร.เยี่ยม-ให้กำลังใจลูกน้อง


ในวันเดียวกัน พล.ต.ท.นิพนธ์ ศิริวงศ์ ผบช.ตชด. ไปเยี่ยมอาการตำรวจตระเวนชายแดนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุสลายการชุมนุม เมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค. ประกอบด้วย ร.ต.อ.สุธี พุฒตาล รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระ ด.ต.ปิยะภัทร โกมลพันธ์ รักษาตัวที่โรงพยาบาลรามา จ.ส.ต.บุญถิ่น เหล็กค้าน รักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวเฉียว และ จ.ส.ต.อาทิตย์ พิมพ์โคตร รักษาตัวที่โรงพยาบาลกลาง ด้าน พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. ก็เดินทางไปเยี่ยมตำรวจคอมมานโด ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับกลุ่ม นปก.ที่กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม (ปพ) บก.ป. โดยมี พ.ต.อ.ชัยทัต บุญขำ ผกก.ปพ.บก.ป. รอต้อนรับพร้อมตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย โดย พล.ต.ท. มนตรี จำรูญ ได้มอบกระเช้าดอกไม้ให้เป็นกำลังใจ ก่อนเดินทางกลับ 


“ป๋า” ส่งของเยี่ยม-ชื่นชม ตร.
 


ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 25 ก.ค. พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ เกรียงศักดิ์พิชิต รองผู้บังคับการหัวหน้าส่วนวิชาสืบสวน สถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ กองบัญชาการศึกษา (รอง ผบก.สบพ.บช.ว.) เป็นผู้แทน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นำกระเช้าผลไม้เดินทางเข้าเยี่ยมอาการและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ต.ท.พันธกานต์ วัฒนวรางกูร และ ส.ต.ท.สุรินทอง แก้วคูณ ผบ.หมู่ กก.ปพ. บก.ป. ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา

ประธานองคมนตรีชื่นชมทุกคนทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว

โดย พ.ต.อ.ขจรศักดิ์กล่าวว่า ประธานองคมนตรีฝากขอบคุณและชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ แม้ว่าทุกคนไม่อยากให้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น  เท่าที่สอบถามจากทั้งสองนายพบว่ามีกำลังใจที่ดี และยังบอกกับตนว่าเจอเหตุการณ์ที่หนักหนาสาหัสกว่านี้มาแล้ว ส่วนเรื่องที่ พล.อ.เปรมอยากจะฝากถึงผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ก็คือ ให้ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนายอย่างใกล้ชิด เพราะท่านเองไม่ได้มีอำนาจหน้าที่จะสั่งการได้โดยตรง นอกจากนี้ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ ตนก็จะเดินทางไปเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บและยังพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ อีก 1 นาย


ทหารมอบกระเช้าดอกไม้ปลอบใจตำรวจ


ส่วนที่ บช.น. เวลา 15.30 น. พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. เรียกประชุมนายตำรวจระดับรอง ผบก.ขึ้นไปที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง พล.ต.ชาย คำวงษา รองแม่ทัพภาคที่ 1 ตำรวจสันติบาล และหน่วยข่าวกรอง เพื่อประเมินสถานการณ์ด้านการข่าวและติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ชุมนุม โดย พล.ต.ชายพร้อมคณะได้มอบกระเช้าดอกไม้ให้กับ พล.ต.ท.อดิศร เพื่อขอบคุณและให้กำลังใจตำรวจ ที่ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ปะทะกับผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา

เหตุที่ไม่ออกหมายจับเพราะเป็นการให้เกียรติ

จากนั้น พล.ต.ท.อดิศรกล่าวว่า พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนรายงานมาว่า ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ศาลได้นัดให้แกนนำทั้ง 9 คน ไปรายงานตัวที่ศาลเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ตำรวจขอหมายจับไปแล้ว  แต่ทางศาลเห็นว่าเพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย จึงดำเนินการสอบถามแกนนำที่เข้ารับการไต่สวนให้เข้ารายงานตัว จะให้เกียรติกันมากกว่าใช้กำลังจับกุม แต่ถ้าทั้ง 9 คนไม่มารายงานตัว และศาลอนุมัติหมายจับ ตำรวจคงต้องพิจารณาตามความเหมาะสม และดำเนินการด้วยความรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ส่วนที่จะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมกับบุคคลอื่นๆอีกนั้น หากสอบสวนมีพยานหลักฐานพาดพิงถึงแกนนำผู้ใดหรือผู้ชุมนุมผู้ใด ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


คนรักป๋าทำพิธีแช่ง นปก.


สำหรับปฏิกิริยาจากคนที่ไม่เห็นด้วยกับม็อบ นปก. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสนามหน้าเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช วันนี้ กลุ่มคนเมืองนครรักป๋าเปรม ประมาณ 500 คน สวมใส่เสื้อเหลืองมารวมตัวกันให้ กำลังใจ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยมีนายพิชัย บุญยเกียรติ อดีต ส.ว.นครศรีธรรมราช เป็นแกนนำ พร้อมออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมแนวร่วม นปก. ที่ก่อเหตุวุ่นวายหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวันที่ 22 ก.ค. อย่างจริงจัง และให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน หากล่าช้า ชาวนครฯจะชุมนุมประท้วงขั้นเด็ดขาด เพื่อตอบโต้กลุ่ม นปก.

จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำพิธีเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งแกนนำ นปก.

อันประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายจักรภพ เพ็ญแข และส่งตัวแทนไปยังบ้านพักของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 1 ในแกนนำ นปก.ที่ ต.ทุ่งใส อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เพื่อขอร้องพ่อแม่ของนายณัฐวุฒิ ให้ห้ามปรามลูกชายไม่ให้ก่อความวุ่นวายต่อบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าพ่อแม่ของนายณัฐวุฒิได้ปิดบ้านหลบไปอยู่ที่บ้านญาติ 


เติ้งจวก “วีระ-จักรภพ” อกตัญญู


นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย แถลงข่าวที่พรรคชาติไทย กล่าวด้วยถ้อยคำดุเดือดถึงแกนนำ นปก.อย่าง นายวีระ มุสิกพงศ์ และนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ก้าวร้าวและย่ำยี พล.อ.เปรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายวีระ ที่จำไม่ได้หรืออย่างไรว่า พล.อ.เปรมช่วงที่เป็นนายกฯ เคยช่วยอะไรนายวีระ ดังนั้น จึงอยากให้ประธาน คมช.จัดการขั้นเด็ดขาดแล้ว เพราะดูภาพทางทีวี มันมาก เกินไปแล้ว และคิดว่าคนที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย เศรษฐกิจสั่นคลอน ไม่ใช่ คมช. แต่ คมช.มาแก้ไขปัญหาต่างๆให้ดีขึ้น เรื่องนี้นายกฯ ต้องเด็ดขาด อย่าหน่อมแน้ม ตำรวจต้องจัดการขั้นเด็ดขาด แต่กระนั้น นายบรรหารก็ปฏิเสธคำถามที่ว่าคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่ โดยบอกว่า ไม่ได้บอกว่าอยู่เบื้องหลัง แต่บอกว่าท่านต้องรู้ ทำไมท่านไม่รู้  


ร้อง ปธ.กก.สิทธิฯ ข้องใจบทบาท “จรัล”


วันเดียวกันที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แห่งชาติ นายถนอมศักดิ์ นวลเศรษฐ ที่อ้างว่า เป็นหัวหน้ากลุ่มธรรมาภิบาลและพวก รวม 5 คน ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของนายจรัล ดิษฐาอภิชัย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยระบุว่า นายจรัล ซึ่งเป็น 1 ใน 8 แกนนำ นปก. และมีพฤติกรรมไม่ได้ วางตัวเป็นกลาง หรือเป็นอิสระจากการเคลื่อนไหวของกลุ่ม ผลประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จนเป็นที่เคลือบแคลงสงสัย ของประชาชนว่า นายจรัลยังมีความเหมาะสมในตำแหน่งที่มีรถประจำตำแหน่งและมีเงินประจำตำแหน่งกว่า 1.2 แสนบาท ซึ่งเป็นภาษีของประชาชนอยู่หรือไม่ กลุ่มธรรมาภิบาลขอเรียกร้องให้ประธานกรรมการสิทธิฯ สร้างความกระจ่างให้ประชาชนเพื่อรักษาไว้ซึ่งความศรัทธาน่าเชื่อ ถือของสังคมต่อองค์กรอิสระแห่งนี้ว่า จะไม่ตกไปอยู่ภายใต้ การครอบงำของกลุ่มการเมือง โดยจะให้เวลาประธานกรรมการ สิทธิฯ 3 วัน หากไม่มีคำตอบ ทางกลุ่มจะยื่นร้องต่อ สนช. เพื่อให้ดำเนินการถอดถอนนายจรัลออกจากตำแหน่งต่อไป



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์