25 ก.พ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า ตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหารผ่านไป 2 ปี นายทักษิณ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ค่อนข้างน้อย จึงไม่ค่อยมั่นใจวัตถุประสงค์ แต่คิดว่า มีปัจจัยที่อาจทำให้นายทักษิณ ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ โดยเฉพาะเรื่องคดีความที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวที่กำลังเดินหน้า เช่น คดีจำนำข้าว คดีทุจริตปล่อยกู้กรุงไทย ตนจึงคิดว่าน่าจะเป็นแรงกดดันที่ทำให้นายทักษิณออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะแสดงออกด้วยความมั่นใจว่า จะกลับมาโดยไม่ต้องรับโทษ นอกจากนี้ยังเป็นช่วงเวลาของร่างรัฐธรรมนูญและการลงประชามติ สังเกตได้จาก กลุ่ม นปช. หรือผู้สนับสนุน ยืนยันเต็มที่ว่าจะไม่เอาร่างรัฐธรรมนูญ เหมือนกับเป็นการฟันธงในการเคลื่อนไหวทางการเมือง จึงไม่แปลกที่นายทักษิณจะออกมาในเวลานี้
โดยนายทักษิณ จะอาศัยสื่อต่างประเทศที่อยู่ใกล้ตัวและไกลจากเราเพื่อเป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหว ซึ่งเราก็ทราบด้วยว่านายทักษิณเองก็มีการจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ หรือบริษัทที่ทำงานล็อบบี้ พร้อมกับต้องยอมรับความเป็นจริงว่า โลกตะวันตกไม่ชอบการรัฐประหารอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อมีเสียงการคัดค้านการรัฐประหารที่ไหนก็จะมีโอกาสได้พื้นที่ข่าวสูง
ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นจึงถือเป็นความท้าทายเหมือนกัน เพราะถ้า คสช. ทำงานจนเสร็จแล้วยังมีการปลุกเร้าให้เกิดความรุนแรง เผชิญหน้า โดยไปเกี่ยวพันผลประโยชน์กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จะทำให้ คสช. ถูกมองว่า ทำงานไม่สำเร็จ ไม่สามารถทำให้ไทยหลุดพ้นจากปัญหาเดิม ๆ หรือหากที่สุดต่างประเทศยังไม่เข้าใจว่า ประเทศไทยก้าวพ้นจากตรงนี้เข้าสู่ขั้นต่อไปของโรดแม็ป หรือประเทศไทยยังไม่มีความเป็นประชาธิปไตย มีความไม่ชอบธรรม ก็จะเป็นความล้มเหลวได้เช่นกัน และหากสื่อต่างชาติมองเช่นเดียวกัน นายทักษิณก็จะกลายเป็นตัวแทนของระบอบประชาธิปไตยสำหรับสื่อต่างประเทศ นั่นละคือความล้มเหลวของรัฐบาลในเรื่องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์
เมื่อถามว่า การให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ จะมีอิทธิพลต่อการเมืองไทยมากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ที่ยังสนับสนุนหรือเป็นคนรับใช้และทำตามนายทักษิณยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจะไปปฏิเสธว่าไม่มีความหมายหรือไม่มีอะไรไม่ได้ แต่ถามว่าผลจะมีมากแค่ไหนยังตอบยาก เพราะต้องยอมรับว่า ในขณะนี้ก็มีข้อจำกัดของทุก ๆ ฝ่ายในการที่จะเคลื่อนไหว บางทีคนที่สนับสนุนนายทักษิณอาจจะยังสับสนอยู่เหมือนกันว่า ตกลงจะแกล้งตายแล้วจะให้ทำอะไรต่อหรืออย่างไร เราก็ยังเห็นไม่ชัด แต่ว่าสิ่งเหล่านี้เวลาก็จะเป็นตัวที่บ่งบอกว่าจะปรากฏออกมา โดยเฉพาะถ้ามีการพยายามที่จะระดมคนมากดดันในเรื่องของคดีความ ก็แสดงว่ายังเป็นปัญหาว่าเรายังไม่สามารถทำให้คนกลุ่มหนึ่งยอมรับการทำงานของกระบวนการยุติธรรมได้