จตุพร สุดทนอธรรมยื่นเท็จสอพลอนาย ลั่นดีเอสไออย่ารังแก

ประธาน นปช. สุดทน ประกาศเล่นงานทางกฎหมายกับดีเอสไอกลับ ลั่นไม่ผิดอย่ามารังแก เหยียบย่ำหัวใจ ชี้ไม่มีอำนาจถอนประกัน กลับชงเรื่องประจบสอพลอนาย แบบนายว่าขี้ข้าพลอย จนเป็นปัญหาทำบ้านเมืองพังมามากแล้ว 

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล โดยประกาศว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ อย่าได้รังแกด้วยการอ้างเท็จไปยื่นถอนประกันตัวในคดีก่อการร้าย เพราะไม่มีอำนาจให้กระทำได้ 

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อดีเอสไอ จะยื่นถอนประกันโดยไม่เปิดเผยรายละเอียดนั้น 

สิ่งสำคัญ ควรรู้ก่อนด้วยว่า ไม่มีอำนาจ เพราะการถอนประกันเป็นอำนาจของอัยการ และเงื่อนไขของศาลห้ามจำเลยในคดีก่อการร้ายยุงยงปลุกปั่นจนเกิดความไม่สงบสุขในราชอาณาจักร ซึ่งตั้งแต่ยึดอำนาจมา ตนไม่ได้ทำการปลุกปั่นเลย รวมทั้งประชาชนที่ฟังรายการยังไม่ได้ไปก่อความไม่สงบสุขผิดกฎหมายในราชอาณาจักร

"ดีเอสไอ จำหน้าผมไว้ ถ้าคุณใช้ความเท็จถอนประกันผม ผมจะดำเนินคดีกับคุณ วันนี้ไม่มีเรื่องราวอะไรเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีแต่บอกให้ประชาชนอดทน และที่สำคัญอำนาจก็ไม่ได้เป็นของคุณอยู่แล้ว เมื่อบ้านเมืองนี้หาความยุติธรรมไม่ได้ ผมจะเดินหากันเองบ้างแล้ว และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนมาจากสอพลอทั้งนั้น บ้านเมืองในอดีตที่พังกัน เกิดจากพวกประจบสอพลอ ประเภทนายว่าขี้ข้าพลอย ดังนั้น จะขู่ใครก็ได้ แต่ไม่ใช่ผม จะรังแกไปถึงไหน ถ้าหัวหดคุณก็กระทืบ ผมจะใช้ช่องทางกฎหมายเช่นเดียวกัน เพื่อจะบอกว่า นี่คนนะ จะเหยียบย่ำหัวใจอะไรกันหนักหนา" 

นายจตุพร ย้ำว่า ได้บอกประชาชนอยู่เสมอว่า ไม่มีอะไรดีกว่าความอดทน 

แต่ปรากฏว่า มามีปัญหากับตนคนเดียว เรื่องเดียวกันพูดกันทุกฝ่ายกลับไม่เป็นปัญหา แล้วยังน่าขำกับการอธิบายว่า คนอื่นพูดได้ เพราะไม่น่าเชื่อถือ แต่ตนพูดไม่ได้ มีคนเชื่อถือจึงเป็นปัญหาแล้วจะอยู่กันอย่างไร ตนประกาศอย่างตรงไปตรงมาเสมอว่า ถ้าต้องการอยู่ต่อก็อยู่ไปเป็นชาติ หากจะคืนประชาธิปไตยต้องให้ครบ ไม่ครบอย่ามาคืน

ปัญหาของประเทศในขณะนี้ เกิดจากการขาด "ธรรม" ทั้งหลักธรรมและยุติธรรม ส่วนแก่นธรรมนั้น มีหลักอยู่ที่การไม่เบียดเบียนกันและกัน โดยปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น ล้วนมาจากการเคียดแค้น ชิงชัง โดยพยายามอธิบายให้คนพวกหนึ่งเป็นปัญหาของคนอีกฝ่ายหนึ่ง ดังนั้น คำว่า "แก่นธรรม" จึงมีความเข้าใจตรงกันหรือไม่

ดังนั้น เมื่อสังคมขาดธรรมชี้นำแล้ว ความวุ่นวายทั้งปวงในบ้านเมืองจึงมากขึ้น จนลุกลามไปสู่คณะสงฆ์ที่อยู่กันอย่างสงบต้องกลายเป็นสังคมที่เริ่มเกิดความกังวลขึ้น ถ้าผู้มีอำนาจปฏิบัติตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์แล้ว ปัญหาคงไม่เกิดขึ้น แต่ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีเน้นให้ยึดกฎหมาย เมื่อตัวเองไม่ทำตามกฎหมายกลับเอาความขัดแย้งมาอ้าง

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือ คนปัจจุบันมีสิทธิ์อะไรไปกำหนดอนาคตของคนในอนาคต ซึ่งคนรุ่นนั้นต้องกำหนดเอง ดังนั้น ขอให้ยึดหลัก จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด โดยอย่าสร้างปัญหาในคนรุ่นอนาคต เพียงแค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว รวมทั้ง ตนไม่ต้องการให้รัฐบาลชุดหน้าทำอะไรไม่ได้ แล้วหันมาโทษ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยเช่นกัน