จตุพร ชี้คสช.เลือกปฎิบัติยัดโทษรังแกนักศึกษา

ประธาน นปช. เหน็บ คสช. มีคนสอพลอเล่นงาน 11 นศ. ผิดชุมนุมเกิน 5 คน แต่ปล่อยพวกพุทธะอิสระอาจารย์ผู้มีอำนาจชุมนุมได้เสรี ไม่มีความผิด เตือนรังแกนศ.ทำเรื่องเล็กจะเป็นเรื่องใหญ่ ย้ำผู้มีอำนาจปลดปล่อยปชช. ระบุคนเสื้อแดงต้องรับชะตากรรมที่เจ็บปวด ยอมกลืนเลือดแล้วยืนทรนงต่อสู้เพื่อปชช.

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล ผ่านยูทูป เมื่อ 21 ธ.ค.นี้ ว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จับกุมนักศึกษา 11 คน ที่เดินทางไปตรวจสอบการทุจริตอุทยานราชภักดิ์ เป็นการเลือกปฏิบัติตามกฎหมายในกรณีฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน

นายจตุพร กล่าวว่า คสช.ต้องอธิบายกรณีพระพุทธะอิสระนำคน 200 คน ไปชุมนุมหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกา หรือการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านสัมปทานรอบ 21 รวมทั้งสาวกของพระพุทธะอิสระนำประชาชนไปชุมนุมที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ ไม่เข้าข่ายการชุมนุมเกิน 5 คนอย่างไร และมีความแตกต่างจากนักศึกษา 11 คน หรือไม่ ซึ่งคงมีแตกต่างอย่างเดียวเท่านั้น คือ พุทธะอิสระเป็นอาจารย์ของผู้มีอำนาจ จึงกระทำการใดๆ ได้อย่างไร้ขอบเขต

ด้วยพฤติกรรมเลือกปฏิบัติตามกฎหมายเช่นนี้แล้ว ยิ่งตอกย้ำให้เห็นการกระทำที่ไม่มีมาตรฐาน โดยยกประโยชน์ทางกฎหมายให้กับพุทธะอิสระ แล้วมาเอาโทษกับ 11 นักศึกษา และยังดูถูกเหยียดหยามนักศึกษาว่า เคลื่อนไหวเพื่อจะขึ้นเงิน ถ้านักศึกษาไปราชภักดิ์ผิดแล้ว กลุ่มมวลชนบ้านโปร่งที่ไปชุมนุมสกัดต้องถูกจัดการด้วยคำสั่งเดียวกันด้วย

นายจตุพร กล่าวว่า คสช.ปล่อยปละละเลยกับคนที่เป็นพวกเดียวกัน สามารถทำอะไรก็ได้ 

ขัดคำสั่ง คสช.ก็ได้ แต่ถ้าเป็นฝ่ายอื่นที่เห็นต่างกับพวกตัวเองแล้ว ทำไม่ได้ และกฎหมายนี้เว้นกับพวกตัวเองได้ แต่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดกับฝ่ายที่ไม่ใช่พวกตัวเอง

"นี่เป็นการสอพลอ แสดงถึงการชุมนุมเกิน 5 คน ว่า ถ้าเป็นฝ่ายเดียวกับอำนาจรัฐทำได้ แต่อยู่ฝ่ายตรงข้ามทำไม่ได้ ก็ไปแก้ไขคำสั่งใหม่ ว่า ชุมนุมเกิน 5 คน ได้ ถ้าเป็นที่พอใจของรัฐจะไม่มีความผิด การรังแก่เด็กถือเป็นความภาคภูมิใจ คงคิดว่า ตัวเองเป็นผู้มีอำนาจจึงทำได้ แต่ประวัติศาสตร์บอกแล้วว่า อำนาจทำไม่ได้ทุกอย่าง"

เหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516 มาจากการล่าสัตว์ทุ่งใหญ่นเรศวร แล้วลามไปสู่การจับกุมนักศึกษาเรียกร้องรัฐธรรมนูญ จนเกิดการชุมนุมของนักศึกษาประชาชน เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 มาจากผู้นำทางทหารเสียสัตย์เพื่อชาติที่กลับคำสัญญาจากไม่เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็เป็นนายกรัฐมนตรี จึงเกิดการชุมนุมขึ้น

ในกรณีการจับนักศึกษา 11 คน ไปอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งเป็นเรื่องเล็ก แต่มีคนสอพลอ คสช. ให้ทำเป็นเรื่องใหญ่ เสนอให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดกับคนที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายตัวเอง แม้มีการพยายามอธิบายให้ฟังผลการตรวจสอบที่คณะกรรมการกระทรวงกลาโหมจะแถลงในสัปดาห์นี้ก็ตาม แต่นั่นเป็นการตรวจสอบของหน่วยงานภายใน ซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือ

ส่วนคนเสื้อแดงถูกศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกข้อหาเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีนั้น 

นายจตุพร กล่าวว่า แม้คำพิพากษาของศาลถือเป็นที่สุดและต้องยอมรับในชะตากรรมที่เจ็บปวด แต่ในความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นพวกเดียวกัน คงไม่อาจละทิ้งกันได้ แต่มีบางฝ่ายได้พยายามเสี้ยมว่า พวกหนึ่งมั่งมีสีสุข อีกฝ่ายลำบาก ทั้งที่การออกมาเคลื่อนไหวต่อสู้ไม่ได้อยู่ที่ได้หรือเสียอะไร และใครสู้แล้วรวยเป็นเรื่องยาก แต่ทรยศแล้วรวยมี พวกตนสู้มามีคดีกันมากมาย และมีศัตรูเต็มไปหมด แต่พวกตนกล้ำกลืนกับชะตากรรมกันมาก

สิ่งที่พยายามทำกันมาตลอดคือ แกนนำทุกฝ่ายมาร่วมกันหาทางปลดปล่อยประชาชน และผู้มีอำนาจเมื่อสามารถยกเว้นโทษให้ตัวเองได้แล้ว ก็ควรให้กับประชาชนด้วย แต่แกนนำไม่ต้องมายกเว้น แต่มีการพยายามจะเสี้ยม ถากถ่าง แต่ถ้าถึงเวลาที่อีกฝ่ายถูกกระทำบ้าง พวกตนจะไม่เยาะเย้ย และไม่แสดงความสะใจ เพราะทุกคนมีสิทธิ์ล้ม ซึ่งจะก่อนหรือหลังเท่านั้น

การต่อสู้ทางความคิดต้องอยู่บนพื้นฐานน้ำใจนักกีฬา ไม่ซ้ำเติมคนล้ม 

หากพวกตนใช้วิธีการเดียวกันกับพวกเยาะเย้ยแล้ว ย่อมเป็นคนเลวเท่ากัน เป็นคนกระจอกไม่แตกต่างกัน ดังนั้น พวกตนจึงไม่เลือกหนทางแบบนั้น เพราะต้องการให้การต่อสู้ของประชาชนดำเนินไปบนหนทางที่มีเกียรติ

นายจตุพร กล่าวว่า การต่อสู้เมื่อมีเป้าหมายอยู่ที่ประชาธิปไตย แต่ระหว่างเดินทางกลับสิ้นอิสรภาพ จึงเป็นความแตกต่างกันเพียงเวลา เพราะพวกตนไม่รู้ว่า วันไหนคดีจะจบลงอย่างไร แบบไหน ดังนั้น การต่อสู้เพื่อประชาชนจึงไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่คิด สิ่งเหล่านี้เป็นเส้นทางที่เดินอยู่ ไม่รู้ว่ามีผู้ร่วมเดินสักกี่คนก็ตาม ก็ขอทำให้ เพื่อประชาชนมีความสุข พวกตนยอมกล้ำกลืนเช็ดเลือดที่มุมปาก แล้วยืนหยัดอย่างทรนงในเส้นทางของประชาชน