นครบาลใช้แผนเดิมดูแลเวทีพันธมิตรฯแฉเลือกตั้งสกปรก

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 7 เมษายน 2549 12:17 น.

นครบาลระดมตำรวจ จราจร และกำลังรักษาความปลอดภัย การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯ เชื่อจะไม่มีเหตุอะไร หลังอุณภูมิการเมืองลดลง ขณะที่เวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯจะเริ่มขึ้นเวลา 14.00 น.

วันนี้ (7 เม.ย.) พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บังคับการตำรวจจราจร เปิดเผยถึงการจัดการจราจรเพื่ออำนวยความสะดวกการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณท้องสนามหลวงในวันนี้ ว่า จะใช้แผนเดิมในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน โดยมีการนำแผงเหล็กกั้นและไม่อนุญาตให้จอดรถบริเวณรอบท้องสนามหลวง โดยได้จัดกำลังตำรวจจราจรกลาง อำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกหนักใจในการชุมนุมในครั้งนี้ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวไม่กีดขวางการจราจร ทำให้ไม่จำเป็นต้องปิดเส้นทาง

ทางด้าน พ.ต.อ.พินิต มณีรัตน์ โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดกำลังดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมเหมือนครั้งที่เคยมีการชุมนุมบริเวณท้องสนามหลวง โดยได้กระจายกำลังเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาลส่วนหน้า 4 จุด รอบสนามหลวง โดยมีการตั้งจุดตรวจค้นอาวุธ สิ่งต้องสงสัย ก่อนเข้าบริเวณการชุมนุม ตั้งด่านตรวจรถยนต์-รถจักรยานยนต์ตามจุดต่างๆ อีกทั้งยังมีชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมปฏิบัติหน้าที่ โดยเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดความรุนแรงใดๆ เนื่องจากขณะนี้อุณหภูมิทางการเมืองเริ่มคลี่คลายไปมากแล้ว

สำหรับบรรยากาศที่ท้องสนามหลวง ก่อนการเปิดเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จะมีขึ้นในเวลา 14.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการทยอยขนอุปกรณ์เพื่อติดตั้งเวที และเครื่องขยายเสียง พร้อมนำแผงเหล็กกั้นบริเวณโดยรอบ และตั้งจุดรักษาความปลอดภัยของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และกรุงเทพมหานครอย่างเต็มที่

สำหรับการชุมนุมในวันนี้ ตัวแทนจากกลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันว่า เป็นการชี้แจงให้ประชาชนและกลุ่มพันธมิตรฯ รับทราบสถานการณ์ทางการเมือง การเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา รวมทั้งเหตุผลยุติการชุมนุมชั่วคราวบริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล ส่วนรูปแบบการปราศรัยและกิจกรรม จะแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา คือ จะนุ่มนวลขึ้น และกำหนดกรอบปราศรัยหลัก ๆ ไว้ 3 ประเด็น คือการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ต้องปลอดจากการแทรกแซงทางการเมือง ประชาชนมีส่วนร่วม และมีสัดส่วนของประชาชนเข้าไปเป็นกรรมการการปฏิรูปการเมือง โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญ รวมทั้งตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา อาทิ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ