ทีมทนาย ทักษิณ โต้คำสั่ง คตส.ขัดคำวินิจฉัยศาลรธน.

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล ลาดพร้าว นายประเกียรติ นาสิมมา โฆษกคณะทนายความพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีนายกรัฐมนตรี แถลงถึงการต่อสู้เพื่อความชอบธรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ถูกจับตามาองมาตั้งแต่ก่อนเข้ามาเล่นการเมือง เพราะเคยเป็นเจ้าของกิจการโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งมีรายได้มหาศาลอยู่แล้ว พอมาตั้งพรรคการเมืองเองเพื่อก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ถูกหยิบยกปัญหาเรื่องการครอบครองหุ้นและการโอนหุ้นให้กับภรรยาและบุตร จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ขาดด้วยเสียงข้างมากว่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความผิดตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ชี้มูลความผิด แต่ก็ยังมีผู้ข้องใจการในการลงคะแนนเสียงของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะกลุ่มอดีตส.ว.จำนวน 28 คน นำโดยนายแก้วสรร อติโพธิ และนายสัก กอแสงเรือง คตส. ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐรรมนูญให้วินิจฉัยซ้ำอีกครั้งว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีของพ.ต.ท.ทักษิณ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ 2540 ม.96 และมาตรา 209 หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย จึงเท่ากับเป็นการตอกย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าการจำหน่าย จ่ายโอนหุ้นธุรกิจหรือทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายทุกประการ
 
นายประเกียรติ กล่าวว่า แต่เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องพ้นจากตำแหน่งโดยการยึดอำนาจของ คปค. จนมีการแต่งตั้งให้นายแก้วสรรและนายสักเข้ามาเป็น คตส.ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีอำนาจชี้ถูกชี้ผิด แต่ยังมีความฝังใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีหุ้นและทรัพย์สินที่ต้องห้ามในขณะดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่ จึงหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาให้เป็นคดีซุกหุ้นภาค 3 โดยที่ คตส.ได้ชี้มูลความผิดด้วยการสันนิษฐานว่ามีการซุกหุ้นเกิดขึ้น จึงมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณแและครอบครัว รวมถึงคนใกล้ชิด ถึง 7 ครั้ง รวมเป็นเป็นเงินกว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยที่พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวไม่ได้กระทำความผิด ไม่ได้ทุจริตหรือประพฤติมิชอบ จึงอยากให้ประชาชน นักกกฎหมายและนักวิชาการทั้งหลายได้ช่วยกันพิจารณาว่าการปฏิบัติหน้าที่ของคตส.ที่มาจากอำนาจเผด็จการหรือศาลรัฐธรรมนูญ ที่มาโดยชอบตามกระบวนการทุกอย่าง องค์กรไหนจะมีความน่าเชื่อถือมากว่ากัน และคตส.กระทำโดยขัดแย้งต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งเท่าที่ดูเห็นว่ามีการกระทำผิดกฎหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2540 อย่างไรก็ตามตรงนี้ถือเป็นสิทธิ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวที่จะใช้โต้แย้งและยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อขอพึ่งบารมีศาลสถิตยุติธรรมต่อไป
 
เมื่อถามว่าจะดำเนินการฟ้องร้อง คตส.เมื่อไหร่ นายประเกียรติ กล่าวว่า ทีมทนายกำลงพิจารณาในรายละเอียดปลีกย่อย ที่ยังมีอยู่มากพอสมควร เพราะเมื่อเราได้รวจสอบข้อมูลลึกลงไปเท่าไหร่ก็ยิ่งเจอความไม่ชอบมาพากลมากเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้เราใช้เวลาพิจารณามาระยะหนึ่งแล้ว เมื่อถามว่ามีความมั่นใจว่าจะชนะคดีมากแค่ไหน นายประเกียรติ ตอบว่า ไม่อยากตัดสินว่าข้อมูลที่ทีมทนายมีอยู่กับคำสั่งของ คตส.สิ่งไหนจะถูกต้องกว่ากัน แต่อยากให้ดูข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นอย่างไร.