ณัฐวุฒิ ตอบโต้ มีชัย 7 ข้อสนับสนุนเลือกตั้งแบบ จัดสรรปันส่วนผสม
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ณัฐวุฒิ ตอบโต้ มีชัย 7 ข้อสนับสนุนเลือกตั้งแบบ จัดสรรปันส่วนผสม
"ณัฐวุฒิ" ตอบโต้ "มีชัย" 7 ข้อสนับสนุนเลือกตั้งแบบ "จัดสรรปันส่วนผสม"
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีข้อความบันทึกถึงนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า
บันทึกถึง นายมีชัย ฤชุพันธุ์
ตามที่ท่านในฐานะประธานกรธ.อธิบายเหตุผลสนับสนุนระบบการเลือกตั้งแบบ"จัดสรรปันส่วนผสม"โดยแยกประเด็นเป็น 7 หัวข้อพร้อมยกตัวอย่างเทียบเคียงกับสถานการณ์
ผมขอเสนอความเห็นอีกมุมหนึ่งเพื่อประกอบการพิจารณาของท่านและสังคม โดยไล่เรียงเป็นรายข้อ ดังนี้
1.การอธิบายว่าที่ผ่านมาลงคะแนนแบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ บัญชีรายชื่อนับหมด ส่วนแบบแบ่งเขตคะแนนผู้แพ้ถูกทิ้งน้ำนั้นไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะแบบบัตรลงคะแนน 2 ใบเป็นการนับทุกคะแนนของประชาชน ตามเจตนารมย์การลงคะแนน
หมายความว่าแบ่งเขตคะแนนอันดับ 1 เป็นผู้ชนะ ส่วนคะแนนบัญชีรายชื่อนับให้ในบัตรอีกใบอยู่แล้ว เเละเป็นความจริงว่าคนจำนวนมากเลือกส.ส.เขตกับบัญชีรายชื่อคนละพรรคกัน แบบที่คุณมีชัยเสนอต่างหากที่เอาคะแนนผู้ชนะในเขตเลือกตั้งไปทิ้งน้ำ
2. พยายามรับฟังว่ากรธ.คิดสูตรนี้โดยไม่นึกถึงพรรคการเมืองใด แต่ยืนยันได้ไหมว่าไม่ได้นึกถึงการสร้างคะแนนให้พรรคเล็กเพื่อให้เกิดรัฐบาลผสม เปิดโอกาสให้นายกฯคนนอกเพื่อความชัดเจนเรื่องนี้ ขอเรียกร้องให้กรธ.ประกาศจุดยืนทันที ว่านายกฯตามรัฐธรรมนูญนี้ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น
3. กรธ.บอกว่าระบบนี้คือการปรองดองอย่างหนึ่ง คือให้คะแนนเฉลี่ยกันไปทุกพรรค
ถ้าคนระดับประธานในแม่น้ำ 5 สายมีวิธีสร้างความปรองดองแบบนี้ก็น่าใจหาย เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่พรรคการเมืองไม่มีเก้าอี้มาเฉลี่ยกัน แต่เรื่องสำคัญคือประชาชนไม่ได้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย
วิธีคิดดังกล่าวนอกจากไม่สร้างความปรองดองแล้ว ยังสุ่มเสี่ยงจะเกิดความขัดแย้งรอบใหม่ เพราะปลายทางคือการสืบทอดอำนาจซึ่งในที่สุดประชาชนจะรู้เท่าทัน
4. ที่บอกว่าไม่มีประเทศไหนในโลกทำแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าเราต้องทำตามเขา
แต่ต้องการชี้ให้เห็นว่าที่เขาไม่ทำเพราะขัดกับหลักการ การกำหนดรูปแบบการเมืองให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศนั้นเข้าใจได้ แต่รูปแบบดังกล่าวต้องสอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยที่เป็นสากลกี่หนแล้วที่เราบอกว่าต้องแก้ปัญหาด้วยประชาธิปไตยแบบไทยๆ สุดท้ายปัญหาก็ย้อนกลับมาที่เก่า
5.การกล่าวอ้างว่าเราเป็นประเทศเดียวที่มีรัฐบาลประกาศว่าจะจัดโครงการ และงบประมาณให้เฉพาะภาคและจังหวัดที่เลือกพรรคตน ก็ต้องตอบคำถามด้วยว่า นอกจากวาทกรรมเชิงประชดประชันบนเวทีปราศรัยแล้ว มีหลักฐานใดที่เป็นรูปธรรมในการปฏิบัติหรือไม่ กลไกรัฐที่เบ็ดเสร็จของรัฐบาลนี้จะมีข้อยืนยันประเด็นดังกล่าวอย่างไร30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน โอทอป เอส เอ็ม แอล และอีกมากมาย ยกเว้นภาคไหน จังหวัดใด
ในทางกลับกันเราเป็นประเทศเดียวที่มีการร่างรัฐธรรมนูญซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยผู้ร่างกลุ่มเดิมซึ่งก่อให้เกิดวิกฤติการเมืองบ้าง ถูกฉีกโดยรัฐประหารบ้าง แต่กลุ่มผู้ร่างดังกล่าวก็ยังคงร่างรัฐธรรมนูญโดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ
6.ทุกพรรคย่อมเลือกคนที่ดีที่สุดที่มีลงสมัครระบบเขตอยู่แล้ว และต้องคัดคนมีความรู้ความสามารถเป็นที่รู้จักยอมรับในวงกว้างลงสมัครบัญชีรายชื่อ ไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนระบบเลือกตั้งเพื่อการนี้แต่อย่างใด
7.เมื่ออ้างสถิติการเลือกตั้งครั้งที่แล้วว่ามีถึง 120 เขต ที่คะแนนชนะน้อยกว่าคะแนนคนแพ้รวมกัน ก็ต้องยอมรับความจริงด้วยว่าปัจจัยที่ส่งผลเช่นนั้นมีหลายประการ
เช่น บางเขตผู้สมัคร 2 คน บางเขตไม่ต่ำกว่า 5 คน หรือ จำนวนผู้ลงคะแนนซึ่งบางเขตเกือบครบ 100% บางเขตเกินครึ่งเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อกติกากำหนดว่าผู้ได้คะแนนสูงสุดเป็นผู้ชนะก็คือข้อยุติ
ถ้าห่วงเรื่องนี้จริงๆก็อาจแก้ไขได้โดยลงคะแนนใหม่เป็นรายเขต ไม่ใช่รื้อทั้งระบบแบบนี้
ส่วนที่ยกตัวอย่างครอบครัวเลือกกับข้าว ก็อยากทำความเข้าใจเสียก่อนว่า โลกแห่งความเป็นจริงคงไม่มีครอบครัวไหนมาลงคะแนนเลือกกับข้าวกันทุกวันแน่
แต่ถ้ายึดตามสมมตินี้ก็ต้องคิดต่อว่าเขาลงคะแนนเป็นรายมื้อ ใครลงแกงเผ็ดมื้อนี้รอบหน้าอาจเปลี่ยนเป็นผัดผักก็ได้ ใครอยากให้คนอื่นลงคะแนนเหมือนตนก็ชักจูงโน้มน้าวได้ นี่คือกติกาของประชาธิปไตยที่ให้ประชาชนตัดสินใจเป็นวาระ แต่ละวาระมีสิทธิ์ตัดสินใจใหม่ได้
หลักสำคัญคือเขาต้องมีสิทธิ์เลือก และผลแห่งการเลือกต้องเป็นไปตามเจตนารมย์ ไม่ใช่มีใครมาดักจัดสรรปันส่วนคะแนนของเขาทีหลังแบบที่กำลังเสนออยู่นี้
ที่มาจาก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!