สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ แนะรัฐบาลชะลอเอฟทีเอ - เมกะโปรเจกต์

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 6 เมษายน 2549 10:48 น.

ดร.วรพล โสคติยานุรักษ์ รองประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ชี้ แม้ว เว้นวรรค ส่งผลดีนักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย แนะรัฐบาลใหม่เดินหน้าสานนโยบายเศรษฐกิจด้านการส่งออก ยกมาตรฐานการแข่งขัน ขณะเดียวกัน ควรชะลอเอฟทีเอ และทบทวนโครงการเมกะโปรเจกต์ เพื่อลดการขาดดุลของประเทศ ส่วนคุณสมบัติของนายกฯคนใหม่ต้องประนีประนอมประสานได้กับทุกฝ่าย

วันนี้ (6 เม.ย.) ดร.วรพล โสคติยานุรักษ์ รองประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คนที่ 2 เปิดเผยว่า การตัดสินใจเว้นวรรคทางการเมือง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศ ต่างชื่นชมและเห็นด้วยกับการเมืองไทย ที่มีการเปลี่ยนถ่ายด้วยสันติวิธีและสมานฉันท์ ขณะเดียวกัน พื้นฐานของประเทศไทยโดยรวมถือว่ามีความเข้มแข็งอยู่แล้ว จึงส่งผลให้ต่างประเทศมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศไทย และการเปลี่ยนถ่ายทางการเมืองที่ดำเนินไปอย่างราบรื่น ถือเป็นภาพที่ดีต่อสายตานักลงทุนต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการต่อไป คือ สานต่อนโยบายทางด้านเศรษฐกิจต่างๆ เช่น การผลักดันการส่งออก พร้อมกับการยกระดับมาตรฐานการแข่งขันของประเทศโดยรวม การพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การส่งเสริมด้านการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ

ดร.วรพล กล่าวอีกว่า ในช่วงนี้รัฐบาลควรชะลอการทำเขตการค้าเสรีไว้ก่อน จนกว่าประเทศจะมีความพร้อมในหลายๆ ด้าน ทั้งมาตรการดูแล ลดผลกระทบด้านต่างๆ โดยถือโอกาสนี้เป็นการเตรียมตัวก่อนดำเนินการที่เหมาะสม ขณะเดียวกัน ควรทบทวนโครงการเมกะโปรเจกต์ โดยพิจารณาถึงความเหมาะสมและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ยังช่วยลดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศที่เกิดขึ้นขณะนี้ โดยเน้นโครงการเมกะโปรเจกต์ที่ช่วยประหยัดพลังงานของประเทศ พร้อมกับขยายความเจริญไปสู่ภูมิภาคอื่น

รัฐบาลที่จะเข้ามาดำเนินบริหารประเทศชุดใหม่ควรดำเนินนโยบายตามกรอบ พร้อมปรับปรุงนโยบายเดิมที่มีปัญหาและอุปสรรคต่างๆ อาทิ โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค นอกจากนี้ ควรให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการต่างๆ ทั้งการปฏิรูปทางการเมือง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยรัฐบาลต้องเอื้ออำนวยให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอิสระ และยอมรับจากทุกฝ่าย ส่วนบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นบุคคลที่มีความประนีประนอม และประสานงานกับทุกฝ่ายในสังคมไทยได้ เพื่อก้าวไปสู่สังคมของความสมานฉันท์ และเคารพความแตกต่างทางความคิด ไม่ใช้ความรุนแรงทางวาจา รองประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจกล่าว