เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 ก.ค.
ที่สถาบันพระปกเกล้า จ.นนทบุรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการบรรยายพิเศษหัวข้อ 10 ปี บทเรียนวิกฤติเศรษฐกิจ ปี 2540 ว่า ประเทศไทยตอนนี้ยังไม่มีวิกฤติเศรษฐกิจ เพราะยังมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี แต่ไม่มีความเชื่อมั่นภายในประเทศ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นทางการเมือง การร่างรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้ง
สิ่งที่น่าห่วงที่สุดในปีนี้คือ
ความขัดแย้งของคนในชาติทำให้บรรยากาศสังคมการเมือง เศรษฐกิจ เหมือนมีเมฆหมอกปกคลุมอยู่ จึงต้องเอาประโยชน์ประเทศชาติเป็นที่ตั้ง หากยังไม่แก้ไขความขัดแย้งจะหนักหนายิ่งกว่าวิกฤติเศรษฐกิจ แม้ว่าการเลือกตั้งจะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดแต่เป็นคำตอบเดียวที่ทำให้เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ทั้งนี้ รัฐบาลชุดต่อไปจะต้องนำคนที่ดีที่สุดในทุกสาขามาช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง เพราะคนไทยเชื่อมั่นในตัวบุคคล ต้องมีนโยบายที่ดีและอยากให้คนไทยมีพลังร่วมช่วยกันแก้ปัญหา
สมคิดประกาศหนุน รวมใจไทย-มัชฌิมา
นายสมคิดให้สัมภาษณ์ถึงอนาคตทางการเมืองครั้งแรก หลังถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ว่า
ยอมรับว่าก่อนลาออกจากพรรคไทยรักไทยมีความคิดที่จะตั้งพรรคการเมืองใหม่ที่มีอิสระทางความคิด โดยรวบรวมคนที่มีความคิดทำประโยชน์เพื่อบ้านเมืองมาทำงานด้วยกัน โดยได้คุยกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน โดยนายสมศักดิ์ไปตั้งกลุ่มมัชฌิมา แล้วอยากให้ตนเองไปเป็นหัวหน้าพรรค แต่ใจจริงตนต้องการตั้งพรรคใหม่ หากไปรวมกับกลุ่มมัชฌิมาก็ไม่เป็นไปตามความตั้งใจ และกลุ่มอื่นไม่มาเข้าร่วมทำให้จำกัดวง
จนกระทั่งได้พบกับนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์
ผู้ก่อตั้งกลุ่มรวมใจไทย จึงชวนมาทำงานด้วยกัน ทั้งนี้ เห็นว่ากลุ่มรวมใจไทยไม่ควรทำ การเมืองเฉพาะกิจ แต่ต้องมองการเมืองระยะยาว สำหรับตนยังไม่คิดไกลถึงอีก 5 ปีข้างหน้า เมื่อถูกสั่งพักก็ต้องฝากคนรุ่นใหม่ให้มาทำการเมืองให้มากขึ้นตนจะพยายามช่วยเหลือ รวมถึงกลุ่มมัชฌิมาและกลุ่มอื่นๆ
“สุวัจน์” แย้มทาบคนนอกนั่ง หน.พรรค
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำร่วมกลุ่มสมานฉันท์ให้สัมภาษณ์ ว่า กลุ่มสมานฉันท์ ซึ่งมีทั้งกลุ่มของนายพินิจ จารุสมบัติ นายสุวิทย์ คุณกิตติ และนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ ได้มีการหารือกันถึงการจัดตั้งพรรคการเมืองกันอย่างใกล้ชิด ต้องรอฟังความชัดเจนของการยกเลิกคำสั่ง คปค.เกี่ยวกับการจัดตั้งพรรคการเมือง หลังยกเลิกแล้วก็คงสามารถยื่นจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ได้
กลุ่มของตนจะเดินไปในแนวทางสมานฉันท์
และสามารถทำงานได้อย่างเป็นเอกภาพ และมีอิสระ โดยมีพรรคการเมืองเป็นของเราเองจะง่ายกว่าการเข้าไปร่วมกับพรรคการเมืองอื่น ที่สำคัญจะต้องรอให้มีความชัดเจนก่อน โดยเฉพาะการร่างกฎหมายลูกของรัฐธรรมนูญในมาตราเกี่ยวกับการจัดตั้งพรรคการเมืองจะออกมาอย่างไร สำหรับผู้ที่จะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ได้มีการหารือกันอีกครั้ง และยอมรับว่ามีการทาบทามบุคคลภายนอกไว้แล้วเช่นกัน เอาไว้ให้ทุกอย่างชัดเจนแล้วก็จะเปิดเผยให้ทราบ