คือ คนที่เป็นหนี้ 1 แสนบาทต้องปลูกไม้ยืนต้นในที่ดินของตัวเอง 1 ไร่ เป็นหนี้ 2 แสนก็ปลูก 2 ไร่ โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการต้องดูแลพันธุ์ไม้ 15 ปี เมื่อครบกำหนดก็ตัดไม้ดังกล่าวขายเพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่สถาบันการเงิน โดยเวลา 15 ปีที่ปลูกป่า รัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายชดเชยค่าดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งหมดกับสถาบันการเงิน แต่เกษตรกรห้ามตัดขายโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนจะถูกตัดออกจากโครงการ ซึ่งนโยบายนี้จะเริ่มรณรงค์ใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้เพราะพรรคมั่นใจว่านโยบายนี้จะช่วยเกษตรกรรายย่อยให้มีชีวิตที่ดีขึ้น สามารถปลดและลดหนี้สินที่ติดกับ ธกส.ได้จริง
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรค แถลงว่า
ก่อนจะมีการเลือกตั้งพรรคจะจัดทำร่างนโยบายและดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งมีหลายเรื่อง โดยเฉพาะการลงพื้นที่ด้วยการคิกออฟ ออกแคมเปญพบปะประชาชน ซึ่งเป็นปฏิบัติการเชิงนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรค โดยพบตัวแทนเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังที่ จ.ชัยภูมิ ในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ ภายใต้ชื่อ "มันสำปะหลังแก้จน" โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคจะลงพื้นที่เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนปัญหากับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ผู้ประกอบการโรงงานและลานมัน เพื่อแลกเปลี่ยนปัญหาพร้อมทั้งนำนโยบายของพรรคไปแลกเปลี่ยนกับเกษตรกร หลังจากได้ข้อสรุปแล้วจะมีการเขียนสัญญาทางนโยบายร่วมกัน
นายสาทิตย์กล่าวว่า หลังจากนั้นหัวหน้าพรรคจะทยอยเดินทางไปพบปะประชาชนในพื้นที่ต่างๆ
โดยในระหว่างวันที่ 12-13 กรกฎาคม จะเดินทางไปภาคเหนือ วันที่ 14-15 กรกฎาคม จะเดินทางไปจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะนำรูปแบบการพบปะที่ จ.ชัยภูมิ เป็นต้นแบบ จากนั้นวันที่ 21 กรกฎาคม จะเดินทางไปในพื้นที่ภาคกลาง จนกว่าจะมีการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์ จะไปต่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและนโยบายกับประเทศต่าง