คตส.นัดถกเชือคทักษิณวันนี้ ปล่อยกู้พม่า-ประโยชน์ทับซ้อน

นายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ กรรมการคตส.และประธานอนุกรรมการสอบสวนปล่อยกู้พม่า 4,000 ล้านบาท กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้สรุปข้อมูลให้ตนเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ได้ใช้เวลาพิจารณาศึกษาในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา และช่วงเช้าวันนี้(2กค.)ได้นัดอนุกรรมการฯเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง หากไม่มีปัญหาอะไร คาดว่าจะนำเข้าที่ประชุมคตส.ชุดใหญ่ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน

รายงานข่าวจากอนุกรรมการไต่สวนคดีเอ็กซิมแบงค์ ระบุว่า

ผลสอบเบื้องต้นของอนุกรรมการไต่สวนมีความยาว 61 หน้า โดยได้ระบุเนื้อหาและคำชี้แจงของบุคคล ที่อนุกรรมการได้เรียกมาสอบสวน เช่น นายสุรเกียรต์ เสถียรไทย อดีตรมว.ต่างประเทศ นายสถาพร ชีนะจิตร์ อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารเอ็กซิมแบงค์ โดยหนังสือดังกล่าวอนุกรรมการได้สรุปผลส่งให้นายวิโรจน์ในช่วงเย็นวันที่ 29 มิย.ที่ผ่านมา ทำให้นายวิโรจน์แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า ขอเวลาตรวจสอบสองวัน และจะนำเข้าที่ประชุมใหญ่วันจันทร์นี้(2กค.)หรือไม่ แต่เบื้องต้นนายวิโรจน์บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าสำนวนบางส่วนยังเขียนไม่ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องการชี้มูลในความเชื่อมโยงกระบวนการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในการปล่อยเงินกู้ดังกล่าว

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่เห็นว่า สมควรชี้มูลความผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเพราะเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากมติครม.ดังกล่าว เพราะพม่านำเงินส่วนหนึ่ง ประมาณ 600 ล้านบาท ไปซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมบอร์ดแบนด์ จากบริษัทชินแซทเทลไลท์ บริษัทผู้ให้เช่าสัญญาณดาวเทียมไทยคมและขายอุปกรณ์ดาวเทียมในเครือชินคอร์ปฯ ที่มีครอบครัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แล้วให้บุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้องเช่นรมว.ต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่เอ็กซิมแบงค์เป็นพยาน แต่นายวิโรจน์ได้นำสำนวนมาปรับใหม่ แล้วสั่งให้เรียกสอบพยานเพิ่มเติมหลายคน

โดยเฉพาะพยานปากเอกคือนายสถาพร ชีนะจิตร์ อดีตเอ็มดีเอ็กซิมแบงค์

ที่มาให้การกับอนุกรรมการสอบสวน โดยระบุว่าถึงแม้โครงการดังกล่าว จะไม่ใช่การทุจริต แต่ก็เข้าข่ายเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน