มุสลิมโลกพร้อมช่วยเจรจา เจ้าอาวาสเศร้าทิ้งวัดหนีโจร

วันนี้ (30 มิ.ย.) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าว


ในรายการ "เปิดบ้านพิษณุโลก" ครั้งที่ 8 ถึงความร่วมมือกับมาเลเซียในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า เป็นความร่วมมือในกรอบทวิภาคี เป็นการมองในภาพรวมของกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน ถ้าไทยแก้ปัญหาความรุนแรงไม่ได้ ทางมาเลเซียก็ลำบากใจ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า


ในกรอบของอาเซียน จะมีการแก้ไขปัญหาในเรื่องของความรุนแรงทางพื้นที่ตอนใต้ของฟิลิปปินส์ พื้นที่เกาะสุมาตราในส่วนของอาเจะห์ และใน 3 จังหวัดภาคใต้ของไทย ซึ่ง 2 ใน 3 ส่วนนี้ มีผลในทางบวกค่อนข้างมาก เหลือพื้นที่ของไทยที่ยังจะมีปัญหาอยู่ค่อนข้างมาก

เพราะฉะนั้นการแก้ไขปัญหาตรงนี้

จึงเป็นภาพรวมของอาเซียนที่จะต้องช่วยกัน นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อมโยงก็เป็นเรื่องของความผูกพันทางเชื้อชาติ ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียบอกว่าความผูกพันนี้มีอยู่ แต่ไม่สนับสนุนให้มีการแบ่งแยกดินแดน ไม่สนับสนุนให้มีการแยกตัวออกมา แต่สนับสนุนให้ทำอย่างไรที่จะอยู่ด้วยกันได้ นี่คือจุดยืนของมาเลเซีย

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า

นอกจากนี้ ไทยยังได้รับโอกาสความช่วยเหลือ สนับสนุน ด้านการศึกษาในพื้นที่ภาคใต้จากองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก โดยเลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลกแสดงความยินดีที่จะเป็นผู้ช่วยเจรจาในการนำไปสู่ความสงบ สมานฉันท์ในภาคใต้

ระยะยาวการแก้ไขปัญหา

" คือการสร้างโอกาสให้มีการศึกษา ให้มีงานทำ ให้มีอาชีพ ซึ่งคนไทยก็ไปทำงานอยู่ในมาเลเซียปีหนึ่งอย่างน้อยๆ 2 แสนคนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำอย่างไรที่เราจะมาทำให้คนเหล่านี้มีโอกาสที่จะทำมาหากินที่ดีขึ้นกว่าเดิม แทนที่จะไปรับจ้างในร้านอาหาร นี่คือสิ่งที่ได้คิดร่วมกัน" นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า


ส่วนระยะสั้น คือ การหาทางเจรจาเพื่อยุติความรุนแรงให้ได้ก่อน เป็นเรื่องเร่งด่วนที่จำเป็นจะต้องทำ ทางมาเลเซียเองก็ดำเนินการในส่วนนี้ไป จากนั้นจะมาหาข้อสรุปในการหารืออีกครั้งในช่วงเดือน ส.ค. ว่าจะมาบูรณาการกันอย่างไร

ส่วนจะเริ่มต้นเจรจา

กับแกนนำผู้ก่อความไม่สงบได้เมื่อไรนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะว่าข้อมูลยังไม่ครบถ้วนพอ เบื้องต้นเป็นในลักษณะการพูดคุยกัน ยังไม่กำหนดกรอบว่าควรจะพูดในเรื่องอะไรบ้าง อย่างไร นั่นเป็นสิ่งที่เปิดไว้ในขณะนี้ ขอให้ได้มีโอกาสพูดคุยกันเท่านั้นเอง

วันเดียวกัน พระครูสามคณะ สำเนียง

เจ้าอาวาสวัดหัวสะพาน ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา เล่าถึงเหตุการณ์ที่ต้องทิ้งวัดหลบหนีออกมาอาศัยที่วัดพุทธภูมิ วัดอารามหลวง อ.เมืองยะลา ว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเป็นต้นมา ตนพยายามอยู่ที่วัดมาโดยตลอดถึงแม้ว่าจะมีชาวบ้านได้แจ้งเตือนและขอร้องให้หนีออกมา

แต่เพื่อพระพุทธศาสนาและชาวบ้านคนไทยพุทธ

ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงจะขาดที่พึ่งทางใจ จึงยังจำวัดอยู่ จนกระทั่งได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นกับตัวเองเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่พักผ่อนอยู่บนกุฏิได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ปรากฏว่าสุนัขที่เลี้ยงไว้นับ 10 ตัว ถูกยิงตายทั้งหมด ต่อมาชาวบ้านได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจตระเวนชายแดนที่อยู่ใกล้เคียงมาช่วยได้ทัน และพาหลบหนีออกจากวัดไปทันในคืนนั้น จนถึงวันนี้ก็ไม่ได้เข้าไปในวัดอีก

เจ้าอาวาสวัดหัวสะพาน กล่าวอีกว่า

วันนี้เตรียมตัวจะไปพำนักอยู่ที่วัดบางสะแก กทม. ชั่วคราว ส่วนวัดหัวสะพานนั้นคงจะปล่อยทิ้งร้างไป "เสียดายมากที่อุตสาห์สร้างวัดมากับมือเป็นเวลา 25 ปี แต่ความไม่สงบทำร้ายพระพุทธศาสนาและทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ จึงขอให้รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับพุทธศาสนาและวัดด้วย" เจ้าอาวาสวัดหัวสะพานกล่าว


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์