สื่อรวมพลต้านการคุกคาม เสนอบทนำป้องเสรี11เมย.
บก.-หน.ข่าว ทุกสำนักประกาศเจตนารมย์หยุดอำนาจมืด-ป่าเถื่อน 11 เม.ย. ทุกสื่อพร้อมใจเสนอบทบรรณธิการร่วมป้องเสรีภาพ-เตรียมยื่นหนังสือจี้แม้วแจงเหตุการณ์ทมิฬ ดักคอหากเป่าสากคือยอมรับโดยดุษฎี
การประชุมร่วมระหว่างตัวแทนสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ รวมทั้งบรรณาธิการและหัวหน้าข่าวจากองค์กรสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สำนักพิมพ์ต่างๆอาทินายสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น นายเทพชัย หย่อง บรรณาธิการเครือเนชั่น นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ อดีตบรรณาธิ การหนังสือพิมพ์คมชัดลึก มาร่วมแสดงจุดยืนกับการคุกคามสื่อ โดยมีผู้สื่อข่าวจากสำนักพิมพ์ต่างๆได้มาร่วมลงลงชื่อเพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านการคุกคามสื่อกว่า 1,000 คน โดยได้สวมเสื้อสีขาวที่มีสัญลักษณ์การต่อต้านการคุกคามสื่อ ที่มีภาพกำปั้นของเผด็จการที่พยายามไล่ทุบนกพิราบที่เปรียบเป็นสัญญลักษณ์เสรีภาพของสื่อมวล ที่กำลังถูกคุกคาม จนขาดอิสรภาพในการทำหน้าที่ พร้อมทั้งมีข้อความว่า หยุดคุกคามสื่อ คุกคามประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการรวมตัวของวิชาชีพสื่อเป็นไปอย่างคึกคัก โดยผู้สื่อข่าวจากทุกสำนักได้ตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะแสดงจุดยืนและให้กำลังใจกับสื่อมวลชนที่ถูกคุกคามจากอำนาจเผด็จการ ซึ่งทางสมาคมได้ฉายภาพเหตุการณ์ม็อบคารานคนจนปิดล้อมหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ภาพถ่ายเหตุการณ์ที่กลุ่มมอเตอร์ไซด์รับจ้างล้อมหนังสือพิมพ์แนวหน้าและผู้จัดการ และภาพแกนนำม็อบ ภาพถ่ายรถยนต์ต้องสงสัยว่าเป็นผู้มีอำนาจบงการม็อบ นอกจากนี้ยังเปิดให้ผู้สื่อข่าวเขียนข้อความแสดงความคิดเห็นต่อการคุกคามสื่อที่เกิดขึ้นด้วยทั้งนี้มีกลุ่มบุคคลและองค์กรต่างๆ ได้เดินทางมามอบดอกไม้และป้ายข้อความให้กำลังใจต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีหนังสือพิมพ์คมชัดลึกที่ถูกลุ่มคารานคนจนปิดล้อมสำนักงาน โดย นายเกียรติกุล ใจไทย นักเขียนอิสระ ได้นำผ้าขาวปิดหน้าปิดตา แขวนป้าย หยุดคุกคามสื่อมวลชน เครือข่ายกลุ่มสลัม 4 ภาค ได้มอบช่อดอกไม้กับนาย เทพชัย หย่อง บรรณาธิการเครือเนชั่น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.สามเสนหลายสิบนายมาดูแลความเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรณาธิการหัวหน้าข่าวและตัวแทนของสมาคมได้ร่วมหารือและวิเคราะห์ถึงสถานการณ์การคุกคามสื่อจากผู้มีอำนาจรัฐและแนวทางปกป้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของสื่อ โดยใช้เวลาหารือกว่า 1 ชั่วโมง ในส่วนของสื่อมวลที่มารวมตัวเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนที่เคยถูกคุกคามมาเล่าประสบการณ์ให้กับเพื่อนสื่อมวลชน เช่น นายประจวบ วังใจ ที่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีทำร้ายที่เวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่จังหวัดเชียงใหม่ และนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรท์ ได้อ่านบทกวีให้กำลังใจสื่อมวลชน 2 บท คือ นกน้อยในไร่ส้มและหยุดคุกคามสื่อ ซึ่งบรรดาสื่อมวลชนต่างโห่ร้องปรบมือพร้อมทั้งตะโกน คุกคามสื่อ คุกคามประชาชน
นางบัญญัติ ทัศนียะเวช นักข่าวอาวุโส วัย 70 ปี ในฐานะประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวต่อหน้าสื่อมวลชนที่มาร่วมงานว่า ตนได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนโดยผ่านรัฐบาลเผด็จการมาหลายสมัย ซึ่งการคุกคามสื่อในอดีตมีการปิดสำนักพิมพ์ หรือ การคุกคามรูปแบบอื่น ซึ่งเรารู้ว่าศัตรูคือใคร แต่ในครั้งนี้ผู้กุมอำนาจรัฐมีการเปลี่ยนแปลงมีการคุกคามสื่อทุกรูปแบบทั้งการใช้อำนาจมืดและเปิดเผย ยากที่เราจะรับมือได้ หนทางที่สื่อจะรับมือได้ก็คือ การผนึกกำลังเพื่อฝ่าวิกฤตการคุกคามสิทธิและเสรีภาพของสื่อ ในครั้งนี้เราได้บทเรียนแล้วอย่าย่อท้อเพื่อต่อสู้กับเผด็จการ เพราะเผด็จการเมื่อเกิดแล้วก็ต้องจากทุกสมัย
จากนั้นเวลา 13.30 น.นายเกียรติชัย พงษ์พาณิชย์ ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้เป็นตัวแทนของสื่อประกาศเจตประกาศเจตนารมณ์ ต่อต้านการคุกคามสื่อ ว่า มติของการประชุมของสมาคมวิชาชีพสื่อมวลชน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ ในวันนี้ ที่ 5 เมษายน 2549 ได้มีมติแสดงเจตนารมณ์ต่อต้านการคุกคามสื่อมวลชน ในประเทศไทยดังนี้ว่า
1.เราสื่อมวลชนทั้งหลายขอต่อต้านการคุกคามสื่อในประเทศไทยทุกรูปแบบ เพื่อแสดงให้โลกรู้ว่า สื่อมวลชนไทย ทั้ง หนังสือพิมพ์ วิทยุโทรทัศน์ และสื่อแขนงอื่นๆ ไม่อาจยอมรับพฤติกรรมการคุกคามสื่อที่เกิดขึ้นได้ ในทุกกรณีทั้งในอดีตและที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
เราเรียกร้องให้หยุดการคุกคามสื่อในทันที เราถือว่า การคุกคามสื่อมวลชนใดๆ ไม่ว่าหนังสือพิมพ์หรือวิทยุโทรทัศน์ แม้เพียงสื่อเดียวหรือเพียงคนเดียวก็ถือว่าเป็นการคุกคามสื่อมวลชนทั้งมวล
2.ในรอบปีที่ผ่านมา สื่อมวลชนนำเสนอข่าวการตรวจสอบผู้มีอำนาจแล้วถูกฟ้องร้องทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา บางคดีถูกเรียกค่าเสียหายนับหมื่นล้านบาท
มีการคุกคามสื่อมวลชนที่เลวร้ายกว่าด้วยการกระทำอย่าง ป่าเถื่อน ใช่แต่คุกคามเสรีภาพและความเป็นอิสระของสื่อมวลชนเท่านั้นไม่ หากแต่ยังกระทำการอันเป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ทำงานสื่อราวกับเราอยู่ในยุคการใช้อำนาจอย่างป่าเถื่อนของเผด็จการครองเมือง
3.มีการปิดล้อมที่ทำการของหนังสือพิมพ์เครือเดอะเนชั่น และ คม ชัด ลึก เป็นเวลานานกว่า 7 ชั่วโมง โดยห้ามบุคคลไม่ว่า จะเป็นพนักงานบริษัทต่างๆ ผู้ป่วย หญิงตั้งครรภ์ เข้า-ออก มีพฤติกรรมก้าวร้าวข่มขู่คุกคาม และกักขังหน่วงเหนี่ยวอย่างผิดกฎหมาย แล้วกดดันให้กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ยอมรับเงื่อนไขการปิดตัวเองเพิ่มขึ้น ทั้งๆที่หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึกได้แสดงความสำนึกแห่งความรับผิดชอบต่อความบกพร่องด้วยการปิดตัวเอง 3 วันแล้วก็ตาม
4.มีหลักฐานบางประการบ่งชี้ว่า การกระทำของกลุ่มที่ปิดล้อมเครือเดอะเนชั่น มีบุคคลที่มีอำนาจทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง การคุกคามที่ร้ายแรง ไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดต่อบทบัญญัติซึ่งมีกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
5.เหตุการณ์ทำนองเดียวกันได้เกิดขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง เมื่อผู้สื่อข่าวได้ถูกทำร้ายร่างกายที่จังหวัดเชียงใหม่และสระบุรี กลุ่มจักรยานยนตร์รับจ้างได้ยกพวกหลายร้อยคนไปที่หน้าที่ทำการหนังสือพิมพ์ผู้จัดการสำนักพิมพ์แนวหน้า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2549 แสดงอาการข่มขู่ คุกคามและยังได้ขว้างปาสิ่งของเข้าไปในสำนักงานของหนังสือพิมพ์แห่งนี้ หรือกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองกระทำการรุนแรงต่อผู้สื่อข่าวที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ต่างๆ เช่นที่สนามหลวง หน้าทำเนียบรัฐบาลและหน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
6.หากนับปรากฏการณ์คุกคามสื่อที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราอาจกล่าวได้ว่า เสรีภาพของสื่อมวลชนในยุคปัจจุบัน ถูกคุกคามอย่างรุนแรงในหลายรูปแบบ ทั้งในรูปแบบที่แยบยล เช่น การแทรกแซงการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร การแทรกแซงของฝ่ายการเมืองเข้ามายังกองบรรณาธิการ หรือ การแทรกซื้อสื่ออย่างเปิดเผย หรือเป็นการคุกคามอย่างโจ่งแจ้งซึ่งหน้าโดยมีสัญญาณการให้ท้ายจากผู้มีอำนาจ
7.แม้สวัสดิภาพและสิทธิเสรีภาพจะเป็นปัญหาแต่เราสื่อมวลชน จะยืนหยัดทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังต่อไปและจะไม่ย่อท้อ จะต่อต้านการคุกคามสื่อหรือการครองงำสื่อให้หมดไป
8. สื่อมวลชนเป็นสถาบันหนึ่งทำหน้าที่ในการสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนและทำหน้าที่แทนประชาชน ตรวจสอบปรากฏการณ์ของสังคม ควรได้รับหลักประกันและการคุ้มครองตามมาตรา 39 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
9.จักต้องให้ผู้มีอำนาจได้แสดงออกถึง การแสดงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในการรักษากฎหมายบ้านเมืองอย่างที่ควรจะเป็นเพื่อมิให้เกิดการคุกคามสื่อดังปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ปัจจุบัน
10.เราจะรวมพลังกันต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพอย่างเข้มแข็งบนพื้นฐานหลักการแห่งจริยธรรมและความถูกต้อง เราเชื่อมั่นว่า เสรีภาพของสื่อ คือ เสรีภาพของประชาชน และการคุกคามสื่อ คือ การคุกคามประชาชน คุกคามประชาธิปไตย และเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสรรค์สังคมประชาธรรม
11.เราขอให้ทุกฝ่ายเคารพและร่วมกันแปรเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญมาตรา 39. 40 41 และ 42 ให้เป็นจริงทั้งทางอุดมการณ์และทางปฏิบัติ
12.เราขอประกาศเจตนารมณ์ในการทำหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริง เพื่อนำเสนอต่อสาธารณชนอย่างตรงไปตรงมา และทำหน้าที่ในการติดตามตรวจสอบพัฒนาการทางการเมืองจากคำมั่นสัญญาของผู้มีอำนาจทางการเมือง ในการที่จะปฏิรูปการเมืองภายหลังการเลือกตั้งว่า ให้มีความจริงใจในการดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ เป็นสำคัญ
13.เราจะธำรงไว้ซึ่งอิสรภาพและเสรีภาพของสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวสารโดยตระหนักถึงความรับผิดชอบ ยืนยันหลักการของการควบคุมและตรวจสอบสื่อมวลชนด้วยกันเองและจะปฏิรูปสื่อมวลชนให้ทำงานโดยตระหนักถึงจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชนอย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้นต่อไป จึงประกาศเจตนารมณ์ดังกล่าวข้างต้นนี้ให้ทราบทั่วกัน
ต่อมา เวลา 15.00 น. นายภัทระ คำพิทักษ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยได้แถลงถึงผลการประชุมร่วมกันว่า ที่ประชุมขอประนามการครอบงำสื่อมวลชนทุกรูปแบบ โดยเฉพาะสื่อที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐที่ต้องได้รับการคุ่มคอรงตามรัฐธรรมนูญธรรมนูญบับปัจจุบัน โดยหนังสือพิมพ์ทุกฉบับจะร่วมกันนำเสนอบทบรรณาธิการร่วม เพื่อแสดงจุดยื่นของสื่อมวลชนทุกแขนงในหน้างหนังสือพิมพ์บับประจำวันอังคารที่ 11 เม.ย.นี้ พร้อมทั้งจะมีการนำเสนอบทบรรณิการดังกล่าวในสื่อวิทยุและโทรทัศน์ในช่วงเวลาเดียวกันด้วย
ด้านนายเทพชัย หย่อง ที่ปรึกษาสมาคมฯ กล่าวว่า วันนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ประกาศให้เห็นว่าสื่อมวลชนต่อต้านการคุกคามทุกรูแบบ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเราไม่เคยเจอมาก่อน ที่มีการเมืองชักใยอยู่เบื้องหลัง และการคุกคามสื่อไม่ได้เกิดเฉพาะในกทม.อย่างเดียว แต่ขยายวงไปในต่างจังหวัดด้วย เช่นการนำเสนอข่าวของวิทยุท้องถิ่นม็อบคาราวานคนจนขณะเคลื่อนเขบวนมากรุงเทพฯก็ยังถูกคุกคาม จึงเห็นว่าการวางตัวของสื่อมวลชนลำบากที่จะวางตัวเป็นกลาง ซึ่งเราเองรู้ว่าปัจุบันอำนาจทางการเมืองต้องการทำให้สื่อมวลชนแตกแยกกัน จึงเป็นที่มาของบทบรรณาธิการร่วมที่ไม่เคยมีมาก่อ นอกจากนี้ทางบรรณิการร่วมจะนำเรื่องการคุกคามสื่อทำเป็นหนังสือไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับกับการทำงานสื่อ เช่น พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รักการรมว.กลาโหม นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะรักษาการรมต.ประจำสำนักนายกฯ เพื่อขอพูดคุยในประเด็นดังกล่าว เพราะความจริงเราก็รู้ว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นเราจึงต้องการคำตอบหรือไม่อย่างน้อยขอให้รักษาการนายกฯออกมาปรามบ้าง ซึ่งเป็นการใช้มาตรการเชิงรุก ที่ท่านจะต้องตอบถามของเราให้ได้
นางสาววิมล ตัน นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ กล่าวว่า ได้มีการหารือถึงเรื่องการให้ความร่วมมือในปัญหาที่สื่อมวลชนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งในที่ประชุมคาดการณ์ว่าในอนาคตจะมีการฟ้องร้องกัยมากขึ้น จึงได้ตกลงกันร่วมกันว่า จะมีแนวทางในการให้ความช่วยเหลือโดยการประสานข้อมูลแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน รวมทั้งประสานไปยังองค์กรเกี่ยวกับกฎหมาย เพื่อให้ช่วยเหลือในการว่าความและต่อสู่คดี
วันนี้เรารับไม่ได้กับการถูกคุกคาม และต่อจากนี้ไปจะมีการรณรงค์อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อหยุดกระบวนการดังกล่าว โดยจะทำโลโก้ร่วมกันเพื่อแสดงถึงจุดยืนเพื่อให้สื่อมวลชนำไปเผยแพร่ต่อไปนางสาววิมล กล่าว
นายสมชาย แสวงการ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย กล่าวว่าการนำเสนอข่าววิทยุและโทรทัศน์หากมีส่วนไหนตกหล่นไม่ได้มีการนำเสนอ ทางสมาคมมีศูนย์ข่าวอิศรารองรับไว้อยู่แล้ว ซึ่งผู้สื่อข่าวทุกสำนักสามารถนำข่าวที่ไม่ได้มีการนำเสนอส่งให้ศูนย์ข่าวอิศราเพื่อคัดกรองแล้วนำเสนอต่อสาธารณชนต่อไป โดยศูนย์ข่าวนี้จะเป็นเวทีสำหรับเปิดเผยเล่ห์กลของนักการเมือง ผู้มีอิทธิพลที่คุกคามการทำงานของสื่อมวลชนและประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกรณีที่มีการยื่นหนังสือต่อคณะรัฐมนตรีแล้วไม่มีการตอบรับทางสมามคมจะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายภัทระ กล่าวว่า หากทางคณะรัฐมนตรีนิ่งเงียบ ไม่ตอบสนองเท่าเป็นการยอมรับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับสื่อมวลชนเพราะฉะนั้นครม.ควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างแถลงข่าวได้มีผู้ดำเนินรายการเกี่ยวกับกฎหมาย จากช่องยูบีซี ได้ขอความเป็นธรรมจากสมาคมกรณีที่รายการถูกงดออกอากาศ เพราะเคยสัมภาษณ์นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลที่ค่อนข้างรุนแรง รวมถึงรายการ สินเจริญเชิญแขก ก็โดนงดออกอากาศด้วยเนื่องจากเชิญนายจรัส สุรัสวดี ตู้ ซึ่งออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลรุนแรงเช่นกัน ซึ่งทางสมาคมรับจะตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อหามาตรการช่วยเหลือต่อไป