'บิ๊กโด่ง'แปลกใจ มีชื่อนั่ง 'นายกฯ คนกลาง' ในรัฐบาลแห่งชาติ สงสัยถูกล่อเป็นเป้า ยันไม่เคยคิด ขอทำงานช่วย 'บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม'สางปัญหาชาติ เตือน นศ.อย่าทำผิดซ้ำสอง เพราะศาลอาจไม่เมตตา
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)
กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนกลาง ในรัฐบาลแห่งชาติ ในช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนผ่านอำนาจระหว่างรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ไปสู่รัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจาการเลือกตั้ง ว่า มันเป็นเรื่องแปลก ทำไมต้องมาเกี่ยวพันกับตนด้วยก็ไม่ทราบ และไม่ทราบว่าข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร ใครก็ไม่รู้ เพราะตนไม่ได้เข้าไปสัมผัสกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช. ) เขาจะคิดเห็นกันอย่างไรก็ว่ากันไป แต่เราไม่ได้ลงไปคลุกคลีตรงนั้นมากนัก ตนก็ไม่รู้อะไรด้วย แต่ความรู้สึกส่วนตัวทางรัฐบาลปัจจุบันได้ดำเนินงานมาบนความตั้งใจแน่วแน่ที่จะแก้ปัญหาของชาติอย่างที่เห็นกันอยู่ ถ้าใครมีความยุติธรรมในใจก็จะรู้ว่ารัฐบาลมีความตั้งใจเต็มที่ โดยส่วนตัวตนก็อยู่ในคณะรัฐมนตรีด้วย
ซึ่งต้องร่วมกันแก้ปัญหากับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. “ผมไม่คิดที่จะไปเป็นอะไร และไม่เคยคิดเห็นอะไรกับเขาด้วย ทำไมข่าวออกมาอย่างนี้ ก็ไม่เข้าใจ ขณะนี้ขอยืนยันว่าจะต้องร่วมแก้ปัญหากับนายกฯ เต็มที่ เมื่อนายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม สั่งการอะไร ก็พร้อมปฏิบัติอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาทุกเรื่อง ไม่รู้ว่าเขาเห็นเราเป็นเป้าหมายอะไร ผมสงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นผม เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างไรก็ยังไม่รู้ ส่วนตัวไม่เคยคิดที่จะเป็นนายกฯ คนกลางอะไรอย่างที่เป็นข่าว ทุกวันนี้ตั้งใจทำงานเต็มที่ ไม่เคยคิดที่จะไปเป็นอะไรตามที่เขาว่ากัน เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องมีความเหมาะสมจริง ๆ และ พล.อ.ประยุทธ์ ถือว่ามีความเหมาะสม มีความรู้ความสามารถ เป็นคนที่มีบารมีเพียบพร้อม สามารถดูแลสถานการณ์ได้ ผมเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ช่วยนายกฯ เท่านั้นเอง” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
พล.อ.อุดมเดช กล่าวอีกว่า รัฐบาลยังสามารถดูแลสถานการณ์ปัจจุบันไปได้ด้วยดี แต่ต้องอาศัยความเข้าใจของทุกฝ่าย ร่วมมือกัน
สิ่งใดที่จะทำให้เกิดปัญหาก็อย่าไปสนับสนุน เช่น กรณีนักศึกษา ซึ่งตนไม่อยากพูดอีกแล้ว แต่ต้องยอมรับว่าเมื่อนักศึกษาออกมาจากการควบคุมแล้ว จะมีเจตนารมณ์จะทำอะไรต่อเนื่องหรือไม่ สิ่งเหล่านี้จะทำอย่างไร ทางเราต้องพยายามทำความเข้าใจให้มากขึ้น เขาจะฟังหรือไม่ อย่างไร ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาล และ คสช.ที่ต้องพยายามประคับประคอง ทำความเข้าใจ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสามารถเดินต่อไปได้ เราจะไม่ยอมให้ประเทศเกิดปัญหาความไม่สงบอีก เพราะมันจะทำให้การบริหารประเทศหยุดชะงัก เราต้องคุมสถานการณ์ไว้ตามความจริง ถ้ายังทำความผิดอีกก็ต้องดำเนินคดีและรับโทษไป ที่ผ่านมาถือว่าเป็นความเมตตาของทางศาล เพราะเป็นเยาวชน เมื่อศาลมีเมตตาแล้ว ตนก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก หรือถ้ามีอีกก็จะเป็นความผิดซ้ำสอง เพราะถือว่ามีเจตนา ต่อไปศาลอาจไม่เมตตา ซึ่งเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เมื่อถามว่ากลุ่มนักศึกษาเป็นพลังบริสุทธิ์ที่ คสช.และฝ่ายความมั่นคง ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า เมื่อเขาเป็นเยาวชนเราก็ต้องระมัดระวัง เพราะไม่เหมือนกับกลุ่มทั่วไปที่ออกมาเคลื่อนไหว เราต้องดูแลเป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่ต้องไม่ออกมาเคลื่อนไหวทำให้ประเทศไม่สามารถเดินต่อไปได้.