(6 ก.ค.58) นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนา Nikkei Bangkok Forum ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ พร้อมกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "ยุทธศาสตร์ทางธุรกิจหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประเทศไทยกับการเป็นศูนย์กลางการผลิตสำคัญสำหรับนักลงทุนญี่ปุ่น"
พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.กล่าวว่า ไทย-ญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์มาอย่างยาวนานกว่า 120 ปี ตั้งแต่ระดับราชวงศ์ การท่องเที่ยว การค้า เศรษฐกิจ และการเกษตร ซึ่งไทยควรจะให้ความสำคัญในฐานะที่เป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่จะช่วยประชาคมโลก ซึ่งไทยจะต้องพยายามให้หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้เข้มแข็ง พร้อมส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างรัฐ เอกชนของแต่ละประเทศให้มากขึ้น ตลอดถึงการวางแผนเชื่อมโยงการคมนาคมระหว่างประเทศกับอาเซียนไว้แล้ว โดยขอให้ญี่ปุ่นสนับสนุนการลงทุนที่เกิดขึ้นเพื่อพัฒนาประเทศพร้อมระบุว่าไทยจะต้องรวมตัวกับญี่ปุ่นเพื่อให้ไทยมีตัวตนในสายตาของต่างชาติ
"ฝากไปถึงผู้ประกอบการไทยให้นำรูปแบบการพัฒนาของญี่ปุ่นมาเป็นตัวอย่าง ส่วนการค้าชายแดนปัจจุบันมีมูลค่าการค้าการลงทุนกว่า 9แสนล้านบาทต่อปี ดังนั้นต้องเร่งการพัฒนาและวิจัยร่วมมือกับญี่ปุ่น และสร้างทรัพยากรมนุษย์ให้มีศักยภาพมากขึ้นเพื่อต่อยอดมูลค่าการค้าชายแดนให้ถึง 9 ล้านล้านต่อปี พร้อมทั้งให้ญี่ปุ่นมาร่วมการลงทุนกับภาคเอกชนโดยให้ภาครัฐเข้ามาดูแลบริหารผลตอบแทน นอกจากนี้ในเรื่องของการลงทุนร่วมทางบีโอไอได้เตรียมพร้อมในการอำนวยความสะดวกในการลงทุน จึงอยากให้ญี่ปุ่นมองถึงศักยภาพของไทยและร่วมมือในการค้าเศรษฐกิจชายแดนของไทยที่มีช่องทางการค้าขายกว่า 90 จุด ส่วนเกษตรกรไทยจะต้องมีความเข้มแข็งเท่าญี่ปุ่นให้ได้ ซึ่งรัฐบาลเคยเจรจากับรัฐบาลญี่ปุ่นในการนำเข้าผลไม้ โดยเฉพาะส้มโชกุนที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน" พลเอกประยุทธ์กล่าว
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
