พีเน็ตแฉซีดีมัด 3คนดังใช้สิทธิชี้นำ ยื่นให้เลือกตั้งโมฆะ
พีเน็ตแฉหลักฐานซีดีมัดคุณหญิงอ้อ-ปลัดกทม.-สุรนันทน์ ใช้สิทธิชี้นำคนอื่นให้ลงคะแนนเลือกไทยรักไทย วิ่งโร่ร้องเรียนคณะกรรมการสิทธิฯ-ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ชงเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการเลือกตั้งเป็นโมฆะ โวยกกต.ทำผิดกฎหมายตั้งคูหาหันหน้าออกแถมยังติดรูปผู้สมัครในคูหา ด้าน วาสนา มั่นใจทำถูกกฎหมาย ยืนยันการกาบัตรเป็นความลับ เพราะคูหาและบัตรเลือกตั้งมีขนาดเล็กลำตัวคนบดบังได้มิดชิด ส่วนความเคลื่อนไหวคดีฉีกบัตร ตำรวจขอฝากขังดร.จุฬาฯและอดีตนักศึกษามธ.อีก 6 วัน โดยรายหลังประกาศลั่นหากศาลสั่งปรับจะขอแลกนอนคุก
ความคืบหน้าเกี่ยวกับการกระทำผิด กฎหมายและทุจริตเลือกตั้ง เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 เม.ย. พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) พร้อมด้วยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร เลขาฯพีเน็ต เดินทางเข้าพบนายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญและหลักสิทธิมนุษยชน โดยจัดการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา แล้วตั้งคูหาหันออกด้านหน้า ทำให้การใช้สิทธิของประชาชนไม่เป็นความลับ ซึ่งขัดกับมาตรา 104 (3) จึงขอให้คณะกรรมการสิทธิฯส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นโมฆะ
พล.อ.สายหยุด กล่าวว่าไม่ได้ต้องการกวนน้ำให้ขุ่น แต่ต้องยอมรับว่าการจัดคูหาเลือกตั้งที่ผ่านมาเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้มาใช้สิทธิ เนื่องจากหัวคะแนนสามารถสังเกตได้ไม่ยากว่าลงคะแนนให้พรรคไหน ที่สำคัญรูปแบบนี้เป็นการส่งเสริมให้มีการทุจริตได้ง่าย
ด้านนายเสน่ห์กล่าวว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแน่นอน ซึ่งนอกจากจะไม่เป็นความลับแล้ว กกต. ยังติดรูปถ่ายของผู้สมัครเลือกตั้งขัดกับ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของสังคมโดยรวม เรื่องนี้จึงสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง เพราะขณะนี้ความเคลื่อนไหวของการเมืองไทยอยู่ในสายตาคนทั้งโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิฯแล้วตัวแทนพีเน็ตได้ยื่น ซีดีบันทึกภาพการใช้สิทธิของคุณหญิงณฐนนท ทวีสิน ปลัด กทม. คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยานายกฯและนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย โดยภาพในวีซีดีปรากฏชัดเจนว่าบุคคลทั้ง 3 ได้กากบาทลงคะแนนให้กับพรรคการเมืองใหญ่ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต มีเจตนาจูงใจให้คนอื่นทำตาม ทั้งที่การใช้สิทธิต้องเป็นความลับ จากนั้น พล.อ.สายหยุด และนายสมชัย ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายปราโมทย์ โชติมงคล ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาเพื่อให้วินิจฉัยว่าการจัดคูหาลงคะแนนและติดประกาศชื่อผู้สมัครในคูหาขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่
ขณะที่ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. กล่าวถึงการจัดคูหาหันหน้าเข้าฝาผนัง การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นผลมาจากการสัมมนา กกต.ประจำจังหวัด เคยทดลองใช้กับการเลือกตั้งท้องถิ่นแล้วเห็นว่าแม้แต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งยังไม่รู้เลยว่าตนเองเป็นผู้มีสิทธิออกเสียงลำดับที่เท่าไหร่ หน่วยเลือกตั้งที่เท่าไหร่ แต่ต้องไปดูที่บอร์ด คุณลุงคุณป้าบางคนต้องจดใส่มือไปเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ แถมชี้แนะให้เลือกผู้สมัครรายใดรายหนึ่ง ดังนั้นการเปลี่ยนคูหาแบบใหม่ให้หันหน้าเข้าผนังก็เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดรูปผู้สมัคร เพราะบางจังหวัดมีผู้สมัคร ส.ส. จำนวนมาก ผู้ที่ไม่ตั้งใจไปเลือกใครมักจะจำไม่ได้ เราอย่ามองแต่ผู้มีความรู้ที่อยู่ในเมือง แต่ต้องพิจารณาถึงคนทั้งประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในชนบทกว่า 40 ล้านคน ตนมั่นใจว่าคูหาเลือกตั้งและบัตรเลือกตั้งที่มีขนาดเล็ก ลำตัวคนสามารถบังได้และเป็นความลับ จึงกล้ายืนยันว่าได้ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 104 ทุกอย่าง
นอกจากนี้ พล.ต.อ.วาสนา ยังกล่าวถึงการสอบสวนการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนายกรัฐมนตรีที่กลุ่มพันธมิตรเรียกร้อง ว่าคณะอนุกรรมการฯขอยืดเวลาการสอบสวนออกไป ซึ่งตนพยายามเร่งรัดให้อยู่แล้ว และผลการสอบสวนน่าจะเสร็จก่อนการประกาศผล ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ
ด้านนายกันตธีร์ ศุภมงคล รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการศึกษาและสอบสวนการละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย (ศสสท.) ยื่นหนังสือต่อผู้ประสานงานและผู้แทนองค์กรแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย ให้ตรวจสอบการทุจริตการเลือกตั้งว่า เรื่องนี้สหประชาชาติคงต้องพิจารณาตามคำร้องและตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้ แต่คงไม่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ เพราะเป็นเรื่องของการตั้งข้อสังเกต ซึ่งคนไทยหลายคนรวมทั้งตนก็ตั้งข้อสังเกตเช่นเดียวกันว่า ทำไมจึงหันคูหาออกมาแบบนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความรู้สึกอย่างไรที่การเลือกตั้งในประเทศไทย แต่มีคนร้องให้สหประชาชาติเข้ามาตรวจสอบ รมว.ต่างประเทศกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นแค่การตั้งข้อสังเกต ซึ่งการเลือกตั้งทั่วโลกก็มีคนตั้งข้อสังเกต อย่าคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ หากมีอะไรที่ต้องการให้กระทรวงต่างประเทศประสานงาน ก็ยินดีเพราะไม่มีอะไรต้องปิดบัง
ส่วนความเคลื่อนไหวกรณีฉีกบัตรเลือกตั้ง เมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน ร.ต.ท. ชัชชัย ไหมวิณฑา พนักงานสอบสวน สน. ราษฎร์บูรณะ ได้พานายรัฐเอกราช ราษฎร์ภักดีรัช อายุ 45 ปี อดีตนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหาคดีจงใจทำบัตรเลือกตั้งชำรุดเสียหาย ไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาลแขวงธนบุรี โดยขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก 6 วัน ทั้งนี้พนักงานสอบสวนให้เหตุผลว่า ต้องสอบทะเบียนประวัติอย่างละเอียดอีกครั้ง และรอสอบพยานเพิ่มเติม รวมทั้งรอผลการรายงานจาก กกต. ซึ่งจะครบกำหนดฝากขังวันที่ 9 เม.ย. นี้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นควรตามที่ พนักงานสอบสวนร้องขอ
เช่นเดียวกับ ร.ต.ต.เดชารัตน์ บุตรลา พนักงานสอบสวน สน.ประเวศ ได้เดินทางมาที่ศาลแขวงพระโขนง เพื่อยื่นคำร้องขอผัดฟ้อง ฝากขัง รศ.ดร.ไชยยันต์ ไชยพร หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งด้วยการฉีกบัตร โดยพนักงาน สอบสวนแจ้งต่อศาลว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และต้องสอบปากคำอีก 5 ปาก จึงขอฝากขังผู้ต้องหารายนี้ซึ่งได้รับการประกันตัวระหว่างการสอบสวนออกไปอีก 6 วัน จนถึงวันที่ 9 เม.ย. 49 ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ผัดฟ้อง
นายรัฐเอกราชกล่าวว่า ช่วงเช้าที่ผ่าน มามีตัวแทนกลุ่มจุฬาควบคู่คุณธรรมนำกระเช้าดอกไม้มามอบให้กำลังใจ โดยตัวแทนกลุ่มฯบอกว่าพร้อมให้ความช่วยเหลือตนอย่างเต็มที่ แต่ตนยืนยันไปว่าจะไม่ขอให้การใด ๆ ในชั้นพนักงานสอบสวนรวมทั้งชั้นศาล หากศาลพิพากษาว่าผิดคือผิด ตนพร้อมรับโทษ หากศาลสั่งปรับก็จะไม่เสียค่าปรับ ตนยินดีถูกควบคุมตัว เพราะไม่ต้องการนำเงินที่หามาได้โดยสุจริตไปเสียค่าปรับ.