อภิสิทธิ์ มั่นใจมีการเลือกตั้งในปีนี้

ได้มีการเสวนาวิชาการเรื่อง อนาคตประชาธิปไตยไทย โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้คนอาจจะท้อถอยว่าประชาธิปไตย ของเราผ่านมา 75 ปีแล้ว ยังอยู่ในสภาพที่ต้องใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราวอีก แต่ก็ยังมีกำลังใจกับสิ่งที่สังคมกำลังกดดัน เรียกร้องให้ คมช. และรัฐบาลเร่งคืนประชาธิปไตย

มั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งภายในปีนี้

ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับที่ ส.ส.ร.กำลังร่างอยู่ เพราะกระแสของประชาชนและสังคมโลกต้องการให้บ้านเมืองเดินไปได้อย่างราบรื่น ส่วนข้อกังวลที่ว่าอาจเกิดแรงต้านจากนักการเมืองกลุ่มอำนาจเก่า ที่ไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านในการลงประชามติ เพราะได้มีการบัญญัติห้ามผู้ที่ถูกตัดสิทธิเลือกตั้งลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น คิดว่าไม่ใช่

เพราะรัฐธรรมนูญที่จะออกมา

น่าจะใช้ในกรณีการยุบพรรคการเมืองในอนาคตมากกว่า และไม่เชื่อว่านักการเมืองจะไปกำหนด สมคบ หรือพร้อมใจ บอกให้ประชาชนลงมติไม่รับได้ เพราะเชื่อมั่นว่าประชาชนต้องการให้มีการเลือกตั้ง

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับรัฐบาลชุดหน้าต้องเป็นรัฐบาลผสมแน่นอน แต่จะทำงานแบบเดิมๆไม่ได้ เพราะ ประชาชนจะมีการเรียกร้อง กำหนดประเด็น ติดตามนโยบาย ตลอดจนไล่ตรวจสอบรัฐบาล เขาจะไม่ยอม หรือเปิดโอกาส ให้มีการแก้ตัวว่าที่ทำไม่ได้ เพราะเป็นรัฐบาลผสม หากทำไม่ได้จะถูกไล่ลงกันหมด

ส่วนข้อเสนอที่ว่า

ควรเป็นการผสมกันระหว่างกลุ่มอำนาจเก่ากับอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้าน เดิมนั้น คำว่า สมานฉันท์ต้องเป็นการสมานฉันท์เพื่อสังคม ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของพรรคการเมืองในลักษณะแบ่ง เค้ก มิฉะนั้นจะเกิดเหตุการณ์อย่างในวันที่ 19 กันยาฯ ภาค 2-3 ตามมา

โดยโดนไล่ลงจากเวทีหมดเช่นกัน

รัฐบาลผสม ชุดใหม่จะคิดถึงประโยชน์ของกลุ่มตัวเอง หรือคิดแค่มี ธรรมาภิบาลเท่านั้นก็ไปไม่รอด ต้องแก้ปัญหาของประเทศในภาพรวมทั้งหมด หน้าที่ของนักการเมืองคือการทำเรื่อง ยากให้สำเร็จ ผู้ที่จะเป็นรัฐบาลต้องระดมพลังประชาชนให้ได้ มิฉะนั้นจะอยู่ไม่ได้

นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ที่ปรึกษากลุ่มมัชฌิมา กล่าวว่า มีคำถามว่า ตกลงกลุ่มมัชฌิมาจะใช้ชื่ออะไร และ ใครจะเป็นหัวหน้าพรรค เพราะต้องฟังกันก่อน ตอนนี้มี หลายกลุ่ม ไม่ใช่แค่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หรือนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ต้องมีชื่อกลาง หรือเป็นชื่อที่รวม ระหว่างคำว่ามัชฌิมากับธรรมาธิปไตย คนที่จะเป็นผู้นำต้องใช้ ภาวะความเป็นผู้นำ ทำงานให้ถูกใจคนส่วนมาก

โดยเฉพาะคนในต่างจังหวัด

และคนที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองต้อง มาคิดร่วมกันว่า การผสมรัฐบาลสูตรใดถึงจะแก้ปัญหาของ ชาติได้ สถานการณ์ที่มืดมนขณะนี้เราต้องตาสว่าง เพื่อ ทำให้ประเทศอยู่รอดต่อไปข้างหน้าได้ ที่บอกว่าจะเป็นการฮั้วเพื่อสมประโยชน์กันนั้น เราต้องยอมรับว่าถ้าเรา ไม่สามัคคีกันเป็นพิเศษ บ้านเมืองก็ไปได้ยาก แต่ทุกอย่าง ต้องอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชน

สิ่งสำคัญคือต้องคุยกับทหารด้วยว่า

เราจะอยู่กับทหารอย่างไร ไม่ให้เขารู้สึกว่าถ้ากลุ่มอำนาจเก่ากลับมา จะมีการไล่เช็กบิลกันภายหลัง และต้องคุยกับกลุ่มพันธมิตรฯด้วย ส่วนกรณีที่ ส.ส.ร.บัญญัติให้การเลือกตั้งเป็นแบบเขตใหญ่เรียงเบอร์ นั้น เชื่อว่าทำให้การเมืองเปลี่ยนไปมากกว่าทุกครั้ง

เพราะ เขตเลือกตั้งใหญ่ขึ้น

เป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกเฉพาะคนที่ชอบเข้ามา ส่วน ส.ส.ระบบสัดส่วนก็เป็นเรื่องแปลกที่มีถึง 8 บัญชี ดังนั้น หัวหน้าพรรคการเมืองจะมีความเข้มแข็ง น้อยลง เพราะแต่ละบัญชีก็มีหัวหน้าพรรค ถือเป็นความแปลกใหม่ จะได้หน้าตาของ ส.ส.ที่แปลกไป

นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีนิด้า กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน ขึ้นอยู่กับนักการเมือง เพราะถ้ารัฐธรรมนูญที่ออกมาขัดกับผลประโยชน์ของนักการเมืองที่ไม่ดี คนพวกนี้ก็จะสั่งการให้ประชาชนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องการเลือกตั้งเชื่อว่าจะเกิดขึ้นภายในปลายปีนี้

เพราะเห็นได้ว่า

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี รู้สึกถอดใจ ไม่อยากสืบทอดอำนาจต่อ ส่วนรัฐบาลชุดใหม่หลังเลือกตั้ง จะเป็นรัฐบาลผสมที่เผชิญกับวิบากกรรมสูง เพราะมีปัญหารออยู่แล้ว จะมีการคุกคามเสถียรภาพของรัฐบาล ถ้าแกนนำการจัดตั้งรัฐบาลเป็นแกนนำฝ่ายค้านเดิม นายกฯ คนใหม่พูดง่ายๆก็คือนายอภิสิทธิ์ ได้เปรียบตรงที่มีสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มทหาร

แต่จะเกิดความไม่ราบรื่นเพราะกลุ่มอำนาจเก่า

อาจไปปลุกระดมกลุ่มรากหญ้าออกมาเรียกร้องกดดันรัฐบาล แต่ถ้าผู้ที่จัดตั้งรัฐบาลเป็นกลุ่มอำนาจเก่า ก็ต้องสานสัมพันธ์กับฝ่ายทหารให้ได้ โดยเฉพาะความหวาดระแวงว่าอาจถูกเช็กบิลภายหลัง ทำให้เกิดความไม่ไว้ใจกัน นอกจากนี้ยังถูกกลุ่มพันธมิตรฯ จับตาและออกมากดดันทันที

ถ้าพบว่ามีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น

แต่ข้อเสนอที่น่าสนใจก็คือ การผสมระหว่างอำนาจเก่า และอดีตพรรคฝ่ายค้านเดิม มีความเป็นไปได้ ที่จะร่วมกันแก้ปัญหา และเกิดการประนีประนอมกัน

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ