23 มิ.ย. 58 นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้โพสต์ข้อความลงยังเฟซบุ๊ค "Maleerat Kaewka"
ถึงกรณีที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ยื่นฟ้องเมื่อเดือนพฤษศจิกายน พ.ศ. 2551 ซึ่งศาลแพ่งได้ตัดสินให้แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ 13 คน ชดใช้ค่าเสียหายทั้งกายภาพและทางพาณิชย์ ในกรณี่ชุมนุมที่ชานชลา ลานจอดรถสนามบินดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โดยนางมาลีรัตน์ ระบุข้อความว่า ฉันอาจถูกศาลสั่งล้มละลาย ผลต่อเนื่องจากการชุมนุม 193 วัน วิกฤติในชีวิตของแต่ละคนจะมีกี่ครั้ง
คงไม่มีใครตอบได้ชัดเจน แต่ 2-3 วันที่ผ่านมายอมรับว่า ตนเองแทบช็อคเมื่อทราบว่าศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งให้พลตรีจำลอง ศรีเมืองและคณะ 13 คน รวมดิฉันด้วย ต้องชดใช้เงินจำนวน 600 ล้าน แก่บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) กรณีชุมนุมที่ชานชลา ลานจอดรถสนามบินดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นวิกฤติชีวิตครั้งใหญ่ของดิฉันและอีกหลายคนแน่นอน
ขอท้าวความถึงการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในปี 2551
เป็นที่ทราบทั่วไปว่าเริ่มตั้งแต่เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 190 เรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน ต้องผ่านสภา /มาตรา237 เรื่องยุบพรรคที่ทุจริตเลือกตั้ง เป็นหลัก ไปจนถึงประท้วงแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ทำขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 จนศาลรัฐธรรมนูญวินัจฉัยว่าแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ ฯลฯ
ก่อนย้ายเข้าทำเนียบในเดือนสิงหาคม มีการลอบยิงด้วยกระสุนปืนและระเบิดเอ็ม 79 รอบๆที่ชุมนุมเชิงสะพานมัฆวานแทบทุกวัน
หลังจากนั้น ตลอดระยะเวลาของการชุมนุม มีการลอบทำร้ายผู้ชุมนุมเป็นระยะๆ และอาวุธสงครามถูกนำมาทำลายผู้ชุมนุมครั้งแล้วครั้งเล่า จนเกิดเหตุการณ์ 7 ตุลาคม ที่ผู้ถืออำนาจรัฐ ใช้อาวุธสงครามทำร้ายผู้ชุมนุม จนน้องโบว์ อังคณา ระดับปัญญาวุฒิและสารวัตรจ๊าบต้องเสียชีวิต คุณรุ่งทิวา ธาตุนิยม เป็นเจ้าหญิงนิทราจนปัจจุบัน คุณตี๋ชิงชัยแขนขาด เฮียตี๋ คุณเจ็ก ขาขาด อีกจำนวนมากบาดเจ็บ หลังจากนั้นเหตุการณ์รุนแรงมากขึ้น ช่วงเดือน พ.ย.2551 ระเบิดลงบ่อยมาก จน คุณเสถียร จากการไฟฟ้า บาดเจ็บสาหัส น้องโบว์ กมลวรรณ หมื่นหนู เสียชีวิต และ 20 พ.ย.คุณเจนกิจ กลัดสาคร เสียชีวิตเป็นรายสุดท้ายที่ทำเนียบ นั่นคือเหตุที่เกิดขึ้นก่อนการชุมนุมที่ดอนเมืองและสุวรรณภูมิ
ผ่านไป 7 ปีเต็ม แต่ความทรงจำที่เกิดขึ้นในหัวใจดิฉันทุกครั้งที่นึกถึงการชุมนุม193 วัน
คือ คำขอร้องของน้องคุ้กกี้ ลูกสาวคุณเจนกิจ กลัดสาคร ที่กล่าวบนเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อคืนวันที่ 22 พ.ย.2551 ด้วยน้ำเสียงที่เรียบ แต่แววตามุ่งมั่นว่า "อยากให้คนไทยมากันเยอะๆในวันอาทิตย์นี้ ทำเพื่อพ่อหนูด้วย" นั่นคือความทรงจำผุดขึ้นมาทุกครั้ง
หลังจากเราเลิกชุมนุมในวันที่ 2 ธันวาคม 2551 คดี ทอท.ฟ้องแพ่งแกนนำและคณะ 13 คน ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง 25 มีนาคม 2554 ศาลชั้นต้น
สั่งให้ชดใช้เงิน 522 ล้าน ทนายสุวัตรและทีมสู้อย่างเด็ดเดี่ยว ขออุทธรณ์แบบอนาถา เพราะแต่ละคนไม่มีงานประจำ ศาลอนุญาตเพียง 1 ใน 3 ทนายสุวัตรต้องดิ้นรนหาเงินวางค่าธรรมเนียมศาลเกือบ 3 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษา ให้ชดใช้เงินจำนวน 600 ล้าน จึงทำให้ทั้ง 13 คน เดินเข้าใกล้เส้นทางเป็นบุคคลล้มละลายเข้าไปทุกขณะ ซึ่งถามว่ากลัวไหม ทุกสิ่งเป็นสรณะ ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน แต่เราได้พยายามต่อสู้ในสิ่งที่เราเห็นว่าเราทำถูกต้องหรือยัง จึงมีเพียง 2 แนวทางเท่านั้นที่ต้องดำเนินการ
แนวทางที่ 1 ยื่นฎีกา ซึ่งต้องวางค่าธรรมเนียมศาล รวม 7 ล้านบาท และทนายได้ขอผ่อนผัน 2 รอบแล้ว ทางคณะฯจึงได้ขอให้ทนายสุวัตรยื่นเรื่องขอยืดเวลาการชำระค่าธรรมเนียมออกไป จากเดิม 26 มิถุนายน นี้ ย้ำอีกครั้งค่ะ เวลานับจากนี้ไป 4 วัน กับเงิน 7 ล้านบาท จะหาอย่างไร หาจากไหน เพราะแต่ละคนเดือดร้อนกันหมดแล้ว แต่ข้อดี คือ เวลาต่อสู้ในชั้นศาลฎีกาอาจใช้เวลา 3-5 ปี
แนวทางที่ 2 ไม่ยื่นฎีกา ให้ศาลว่าไป โดยไม่สู้ในชั้นฎีกา ยอมรับว่าเราทำผิดทางละเมิด ผลก็คือพลตรีจำลองและคณะทั้ง 13 จะถูกฟ้องล้มละลายต่อไป อาจใช้เวลา 1 ปีนับจากนี้
เราปรึกษาหารือเบื้องต้น ได้ข้อสรุปว่า เดินแนวทางที่ 1 คือยื่นฎีกา ต้องหาเงินมาวางค่าธรรมเนียมศาล 7 ล้านบาท หาจากไหน นั่นล่ะคือสิ่งที่ดิฉันช็อค ช่วยแนะนำดิฉันด้วยนะคะ
จำลอง-พวกส่อแววล้มละลาย หลังศาลสั่งชดใช้ทอท.600ล้าน
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง จำลอง-พวกส่อแววล้มละลาย หลังศาลสั่งชดใช้ทอท.600ล้าน