หนึ่งในผู้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกาแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติร่างพระราชบัญญัติการกำหนดกิจการ หลักเกณฑ์และขั้นตอนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ พ.ศ....เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ว่า ยังมีข้อสงสัยกับร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว
เพราะการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอื่นใดจะทำไม่ได้หลังจากศาลปกครองมีคำสั่งเพิกถอน พ.ร.ฎ.การแปรรูป กฟผ.แล้ว
เพราะคำสั่งดังกล่าวถือเป็นบรรทัดฐานว่า ในอนาคตจะแปรรูปรัฐวิสาหกิจใดๆ ไม่ได้ ซึ่งหมายความว่า การแปรรูปจะเอาสมบัติส่วนรวมที่เป็นสมบัติสาธารณะไปแปรรูปย่อมไม่ได้ โดยคำสั่งศาลได้มีผลบังคับไว้แล้วว่าอำนาจมหาชนก็ไม่สามารถโอนให้เอกชนเอาไปใช้ได้
"ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จึงไม่มีความจำเป็นเลย เนื่องจากไม่มีผลอะไรมากในทางปฏิบัติ เพราะการจะแปรรูปรัฐวิสาหกิจอื่นใด ที่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ 2542 ที่จะเป็นการผูกขาดหมดสภาพไปแล้ว ไม่สามารถแปรรูปได้อีกต่อไป แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้อาจจะถูกมองไปได้ว่า มีวาระซ่อนเร้น เพราะอาจจะเป็นการนิรโทษกรรมให้กับรัฐวิสาหกิจที่ได้แปรรูปไปก่อนหน้านี้ นั่นหมายความว่า เมื่อมีกฎหมายฉบับนี้เกิดขึ้นก็จะใช้กับการแปรรูปในอนาคตเท่านั้น
แต่สิ่งที่ได้แปรรูปไปก่อนหน้านี้ เช่น ปตท. ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขในกฎหมายฉบับนี้ จะถือได้เป็นการนิรโทษกรรมรัฐวิสาหกิจที่เคยแปรรูปไปก่อนหน้านี้" น.ส.รสนากล่าว