คตส.เล็งอายัดทรัพย์ทักษิณอีก สุรยุทธ์ลั่นกลับไทยปลอดภัย

ดีเอสไอออกหมายเรียก


"ทักษิณ-พจมาน-เมียบรรณพจน์" รับทราบข้อหาปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นเอสซี แอสเสท สั่งชี้แจงด้วยตัวเองภายใน 26-29 มิ.ย.นี้ ขู่ไม่มาเจอหมายจับให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน พร้อมส่ง ป.ป.ช.เชือดต่อ ฐานแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ คตส.เตรียมอายัดบัญชีเพิ่มหลังพบเส้นทางถ่ายโอน "สุรยุทธ์" ลั่นรัฐพร้อมดูแลความปลอดภัยถ้า "ทักษิณ" จะกลับมาสู้คดี

"สุรยุทธ์"ลั่นพร้อมดูแลถ้า"ทักษิณ"จะกลับ


พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดีเอสไอออกหมายเรียก พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน มาให้ปากคำคดีปกปิดหุ้นของบริษัท เอสซี แอสเสท ว่า หากเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย รัฐบาลคงไม่มีข้อยกเว้นอะไร และรัฐบาลพร้อมที่จะดูแลในเรื่องความปลอดภัยให้ เพราะแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการจะกลับแล้วติดต่อมาก่อนก็จะเป็นส่วนที่ดี

เมื่อถามว่า

แสดงว่าเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทย จะมีอิสระที่จะเดินทางไปชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆ ได้ โดยจะไม่มีการควบคุมตัวใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "ได้ครับ เพราะในขณะนี้ถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่มีความผิด

เมื่อถามว่า

เป็นห่วงหรือไม่เพราะที่ผ่านมาประธาน คมช.ระบุว่าไม่สามารถรับรองความปลอดภัยได้ อีกทั้ง น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ก็ออกมาบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจถูกลอบสังหารหากเดินทางกลับมา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลรับรองความปลอดภัย คงจะต้องใช้ความสามารถทุกๆ ส่วนของทางราชการที่จะดูแลความปลอดภัยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ

ผู้สื่อข่าวถามว่า

รัฐบาลจะหารือกับทาง คมช.หรือไม่ว่า ช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมา อย่าไปทำมิดีมิร้ายจนทำให้เกิดปัญหา พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่เป็นเรื่องของทาง คมช. ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่า คมช.จะไปมีเจตนาอะไรที่ไม่ดี อย่าไปตีความในลักษณะที่ว่าจะเป็นผู้ที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้น ขอให้เข้าใจกันตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็น น.พ.ประเวศ เอง น่าจะเป็นเรื่องของความปรารถนาดี และคงไม่ต้องการให้เกิดอันตรายขึ้นมา

คตส.เล็งอายัดบัญชี"ทักษิณ"เพิ่ม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 20 มิถุนายน จะมีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชุดใหญ่ ซึ่งจะมีการประชุมนัดพิเศษ เพื่อพิจารณาอายัดบัญชีเงินฝากเพิ่มเติม นอกจากบัญชีเงินฝากที่ คตส.มีมติให้อายัดไว้ก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง รวม 28 บัญชี

เนื่องจากคณะอนุกรรมการตรวจสอบติดตามทรัพย์สิน

ของบุคคลที่ คตส.มีคำสั่งให้อายัด ที่มีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา คตส. เป็นประธาน ได้ตรวจสอบพบว่า ยังมีเงินฝากบางส่วนที่ถูกโอนไปยังบัญชีอื่นๆ แต่ยังไม่ได้มีการอายัดไว้ ซึ่งเป็นเงินในยอดแรกประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท ที่มีการยักย้ายถ่ายโอนไปช่วงก่อนหน้าวันที่ 4 มิถุนายน 2550

ขณะเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงรายละเอียดของการอายัดบัญชีเงินฝากเพิ่มเติม 7 บัญชี จำนวน 8.8 พันล้านบาท ที่มีคำสั่งไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา ว่า

เงินฝากทั้ง 7 บัญชี เป็นบัญชีเงินฝากที่เคลื่อนย้ายจากบัญชีต่างๆ ดังนี้


1.บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขารัชโยธิน เลขที่ 111-2-41524-4 ของ น.ส.พิณทองทา ชินวัตรจำนวน 3 บัญชี รวม 2,000.07 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารีย์ 2 บัญชี ประกอบด้วย บริษัท เอส.ซี. ออฟฟิศ พลาซ่า จำนวน 1 พันล้านบาท และบัญชีเป็นของบริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น จำกัด จำนวน 1 พันล้านบาท และยังมีบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ สาขารัชดา-ลาดพร้าว ของบริษัทที่ปรึกษากฎหมายธีรคุปต์ จำนวน 7 หมื่นบาท

2.บัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารัชโยธิน เลขที่บัญชี 111-2-31008-8 ของ นายพานทองแท้ ชินวัตร มี 2 บัญชี รวม 1,000.07 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ ของบริษัท เวิร์ธ ซัพพลายส์ จำกัด จำนวน 1,000 ล้านบาท และบัญชีเงินฝาก ธนาคารกรุงเทพ สาขารัชดา-ลาดพร้าว ของที่ปรึกษากฎหมายธีรคุปต์ จำนวน 7 หมื่นบาท

3.บัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารัชโยธิน เลขที่ 111-2-78188-1 ของ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จำนวน 3 บัญชี รวม 5,809.98 ล้านบาท ประกอบด้วย บัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ ของบริษัทโอ เอไอ แมนเนจเมนท์ จำกัด จำนวน 5 พันล้านบาท บัญชีกองทุนสะสมทรัพย์ตราสารหนี้ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมไทยพาณิชย์

จำนวน 700 ล้านบาท และบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารัชดาฯ ของ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ จำนวน 100 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมียอดฝาก-ถอนระหว่างงวดสุทธิอีก 9.98 ล้านบาท


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:

หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์