วันที่ 22 พ.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I′m No.5 ถึงประเด็นการถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินรัฐ รวมถึงพื้นที่ป่าสงวนและเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมีบรรทัดฐานในการดำเนินการทางกฎหมายที่ต่างกันระหว่าง "นายทุน"และ"ชาวบ้าน" โดยระบุว่า...
นี่ถ้าเป็นชาวบ้านตั้งเพิงรีสอร์ทคืนละสองสามร้อย ป่านนี้รื้อเรียบวุธไปแล้ว แต่พอเป็นนายทุนระดับชาติ อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หรือบริษัทใหญ่ที่มีอำนาจเหนือตลาด ก็เกรงอกเกรงใจไม่กล้าทำ อ้างว่ากลัวจะถูกฟ้องบ้าง จะต้องให้ความเป็นธรรมบ้าง
กฎกระทรวงระบุไว้ว่า จะต้องให้เจ้าหน้าที่รัฐทั้ง กรมการปกครองท้องถิ่น กรมป่าไม้ กรมที่ดิน ร่วมกันเป็นกรรมการพิสูจน์เมื่อมีการร้องเรียน แต่จนบัดนี้กลับเงียบหายเหมือนโยนก้อนหินลงทะเล
เมื่อไม่ดำเนินการจัดการตามกฎหมาย ผมก็ขอเป็นปากเสียงขุดคุ้ยจนกว่าจะพังกันไปข้างนึง
เพราะที่ดิน มันมีที่มาที่ไป เขาเรียก "สารบบ" สามารถไล่ได้หมดว่าใครถือครองมาอย่างไร มีความเป็นมาอย่างไร หลักฐานชัดเสียยิ่งกว่า "แขวนกระดิ่ง แล้วไปวิ่งราวตอนกลางวัน"
ไม่ว่าเกาะช้าง เกาะสมุย เกาะภูเก็ต เขาค้อ กระบวนการฟอกป่าโกงชาติแฉวันเดียวไม่หมด ต้องขอเป็นซีรี่ย์
โปรดติดตามตอนต่อไป ว่าเขาโกงกันอย่างไร ถึงเอาที่ดินรัฐมาเป็นของตัวเอง เป็นร้อยเป็นพันไร่