พระสุเทพ ยันสึกลงเล่นการเมืองภาคประชาชน ตั้งมูลนิธิฯรอ พร้อมชี้แจง ป.ป.ช.คดี 396 โรงพัก เชียร์ ประยุทธ์ แก้ รธน.สำเร็จ
เปิดใจ ที่นี่! พระสุเทพ ปมลาสิกขา-การเมืองภาคประชาชน กับ การต่อสู้คดี396โรงพัก
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่สวนโมกขพลาราม(วัดธารน้ำไหล) ต.เลม็ด อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พระสุเทพ ปภากโร หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส.ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวจะสึก(ลาสิกขา) ว่า เรื่องนี้มีคนถามไถ่กันมากความจริงเขาห้ามถามพระเรื่องสึก แต่ขอยืนยันว่าในเรื่องการลาสิกขายังไม่ได้มีการกำหนดขณะนี้ยังมีความสุขกับการปฏิบัติธรรมรับใช้พระพุทธศาสนาและ ยังคงรับกิจนิมนต์ไปเรื่อยๆ ล่าสุดยาวไปถึงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ถึงขณะนี้ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยของวันเมื่อถึงเวลานั้นก็ลาสิกขา ซึ่งความจริงในตอนบวช (วันที่ 15 ก.ค.57) ตั้งใจว่าจะบวชให้ครบ 204 วันเท่าจำนวนที่มีการชุมนุม แต่ขณะนี้เกินกำหนดแล้ว
พระสุเทพ กล่าวว่า ตอนนี้มีงานที่จะต้องทำโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการบวชบรรพชาอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้จัดเป็นรุ่นที่ 6 แล้ว มีการอุปสมบทในทุกเดือนๆละ 60 รูป และเกิดกองทุนสำหรับอุปสมบทซึ่งตั้งใจไว้อยากจะรวบรวมปัจจัยให้ได้ 10 ล้านบาท เพื่อเป็นกองทุนในการอุปสมบททุกๆปีและหากมีผู้มาสานต่อจะหมดห่วงในตรงนี้
"ส่วนการรับตำแหน่งทางการเมืองก่อนหน้านี้ได้ประกาศเจตนารมณ์ไว้ชัดเจนแล้วว่าไม่มีความประสงค์ที่จะกลับไปเป็นนักการเมืองไม่ลงรับสมัครเลือกตั้งอีกแล้ว ซึ่งตั้งแต่ตัดสินใจลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ก็ประกาศกับประชาชนชัดเจนว่าจะไม่กลับไปสมัครเลือกตั้งอีก เพราะประชาชนที่ออกมาต่อสู้ร่วมกันเขามีใจบริสุทธิ์ต่อสู้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ประสงค์ที่จะได้ประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ซึ่งอาตมาก็เช่นเดียวกับประชาชนทั้งหลาย เราก็สู้เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน" พระสุเทพ กล่าว
พระสุเทพ กล่าวอีกว่า เราเห็นเพียงแต่ว่า ระบบการปกครองที่เป็นอยู่ไม่สมบูรณ์ต้องมีการแก้ไข เพื่อให้ประเทศไทยมีการปกครองแบบประชาธิปไตยแบบสมบูรณ์ที่มีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุขไม่ต้องการให้คนไม่ดีมาทุจริต คอรัปชั่น มาใช้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศอีกต่อไป เพราะฉะนั้นไม่ต้องการผลพวงจากการปฏิรูปประเทศ คือจะร่างรัฐธรรมนูญออกมาดีอย่างไรก็ไม่มีประสงค์จะรับผลพวงจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือกฎหมายที่ตามมาจากการต่อสู้จึงประกาศชัดเจนว่าจะไม่รับสมัครเลือกตั้งอย่างแน่นอน
พระสุเทพ กล่าวอีกว่า ถ้าลาสิกขาตั้งใจไว้ว่าจะไปเป็น เอ็นจีโอ ไปทำงานภาคประชาชนไปทำการเมืองภาคเอกชน แต่ไม่ไปตั้งตัวไปเป็นศัตรูกับกับใครทั้งสิ้น แต่จะทำเพื่อรักษาบ้านรักษาเมืองอาจจะไปฟื้นฟูประเพณีที่ดีงามทั้งหลายของไทย เพราะเชื่อว่าการปฏิรูปประเทศ จะแค่แก้ไขรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายนั้นไม่พอ แต่ต้องสร้างค่านิยมที่ถูกต้อง บูชาความดี ยกย่องคนดี ไม่ให้คนไม่ดีมาปกครองประเทศอีกต่อไป ซึ่งขณะนี้ได้ไปจดทะเบียนมูลนิธิไว้แล้วชื่อ "มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย" จะไปเป็นประธานมูลนิธิและทำงานร่วมกับประชาชนเรื่องที่จะดูแลประเทศไทยให้แข็งแรงโดยภาคเอกชน
"หากต่อไปทางรัฐบาลหรือทาง คสช. จะมีการแต่งตั้งตำแหน่งทางการเมืองภาคประชาชน และมีการมอบหมายตำแหน่งให้นั้น หากเป็นทางการเมืองจะไม่มีการลงรับตำแหน่งอย่างแน่นอน แต่หากเป็นการร่วมมือกับประชาชนกับภาคต่างๆ เพื่อการพัฒนาประเทศก็จะทำ" พระสุเทพ กล่าว
พระสุเทพ กล่าวว่า ในส่วนที่ ป.ป.ช.มีมติ แจ้งข้อกล่าวหา คดีทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราจะได้มีการนำเอกสารชี้แจงและเป็นโอกาสที่ดีที่จะให้ประชาชนได้รับรู้ความเป็นจริงดีกว่า พูดไปโดยไม่รู้มูลความจริง ซึ่งจะเดินทางไปชี้แจง ต่อ ป.ป.ช. ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ เวลา 13.00 น.ซึ่งต้องขอบขอบคุณ ป.ป.ช.ที่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมา
พระสุเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญหากรัฐธรรมนูญผ่านหรือไม่ผ่านจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่นั้น เห็นว่าทุกคนที่ตั้งใจจะร่างรัฐธรรมนูญให้เหมาะสมที่สุดเพื่อประเทศไทยจะต้องให้โอกาสท่านเหล่านั้นอย่าเพิ่งไปมองในแง่ลบและขณะนี้เรามีรัฐบาลซึ่งเกิดขึ้นโดย คสช. เข้ามายึดอำนาจเนื่องจากการเกิดการแตกแยกเกิดการต่อสู้กันในบ้านเมือง ซึ่งเป็นภาวะการณ์ที่ไม่ปกติและเข้ามาบริหารประเทศ ดูแลประเทศ เพราะฉะนั้นวันนี้ทุกฝ่ายควรจะให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อให้ได้ทำภารกิจนี้สำเร็จเสร็จสิ้นโดยเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยโดยส่วนรวม
"ซึ่งใครก็ตามที่เข้ามาขัดขวางเข้ามาทำลาย ควรจะคำนึงว่า รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์กำลังทำหน้าที่เฉพาะกิจในโอกาสวาระพิเศษหมดภาระก็จะกลับบ้าน ฉะนั้นไม่ต้องไปขัดขวางโจมตี ควรให้ความร่วมมือบ้านเมืองจะได้เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว" พระสุเทพกล่าว