หมอประเวศ แนะล้างไพ่สังคม เปิดทาง นายกฯพระราชทาน

หมอประเวศ แนะล้างไพ่สังคม เปิดทาง นายกฯพระราชทาน

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 4 เมษายน 2549 15:38 น.

หมอประเวศ ชี้ทางออกวิกฤติสังคมไทย ต้องล้างไพ่-ลอกคราบกันใหม่ ยุบทุกพรรคการเมืองแล้วตั้งใหม่ กกต.ลาออก แล้วเลือกใหม่ เพราะหมดความเชื่อถือจากประชาชนไปแล้ว เปิดโอกาสให้ พระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนายกฯที่เป็นกลางมาปฏิรูปการเมือง เตือนหากยังดั้นด้นในเงื่อนไขเดิมๆ เกิดความสมเพชในระบบ ระวังจะนองเลือด ด้านนักวิชาการชี้ทรท.แพ้เลือกตั้งอย่างสิ้นเชิง เพราะกระแสสังคมต้านระบอบทักษิณ แจง 16 ล้านเสียงที่ได้มาเป็นคะแนนจัดตั้ง ขณะที่คะแนนกระแสไม่เอา ทักษิณ ท่วมท้น





ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวว่า หลังจากการเลือกตั้งผ่านพ้นไป ขณะนี้นับได้ว่าสังคมไทยเข้าสู่ยุควิกฤติการณ์ทางการเมืองอย่างรุนแรง เกิดความวุ่นวายแตกแยก ไม่มีเกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี ซึ่งคนไทยทุกคนควรจะมีเกียรติและศักดิ์ศรีเท่ากัน ถามว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างไรในภาวะแบบนี้ คนเป็นนายกรัฐมนตรีควรไปได้ทุกที่ทั่วประเทศ ไม่ใช่ไปภาคใต้ไม่ได้ ไปได้แต่ภาคเหนือกับอีสาน ตรงนี้ก็เรียกว่าไม่มีเกียรติแล้ว หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ซึ่งประชาชนและสังคมกำลังสับสนกับกกต. สงสัยว่ากำลังถูกครอบงำจากรัฐบาลอยู่ จะจริงหรือไม่จริงไม่รู้ แต่ความสงสัยนี้ทำให้ศักดิ์ศรีของกกต.น้อยลง

การเลือกตั้งในกทม.มีผู้สมัครหลายท่านที่คะแนนน้อยกว่า no vote ถามว่าเขาจะทำงานกันอย่างมีเกียรติได้อย่างไร แม้ตามกฎหมายจะบอกว่าชนะก็ตาม แต่ก็ได้เป็นสส.ที่ทำงานแบบด้อยค่า โดนดูถูก เพราะมาแบบไม่สง่างาม บางเขตสส.ได้รับคะแนนไม่ถึง 20 % ก็เปิดสภาไม่ได้อีก ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ก็เท่ากับบังคับคนไปเลือก ก็ที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่ไม่เลือกคุณแล้ว ยังบังคับเขาไปเลือกอีก เรียกว่าเกิดความทุเรศ เกิดความสมเพชในระบบ แม้คุณทักษิณจะประกาศว่าถ้าเห็นคุณทักษิณเป็นตัวขัดแย้ง ไปก็ได้ และกลุ่มพันธมิตรต้องหยุดด้วย แต่ก็เป็นการทำกันไปในสภาพเดิมที่ผู้แทนไม่มีเกียรติ คนที่มาแทนก็ไม่ใช่ใคร เป็นคนของไทยรักไทย ยังอยู่ในเงื่อนไขเดิม ดันกันไป ลุยกันไป น่าสมเพช

ศ.นพ.ประเวศ กล่าวต่อว่า ทางออกที่ดีที่สุดคือ ต้องล้างไพ่เพื่อเริ่มต้นกันใหม่ เอาถึงขนาดที่ทุกพรรคการเมืองยุบพรรคกันให้หมด กกต.ก็ลาออก เพราะโดนดูถูกเหลือเกิน อยู่ต่อไปก็ไม่มีใครเชื่อถือ ตอนนี้สังคมไทยมีวิกฤติหมักหมม อย่างไปโทษใคร แต่ชวนกันมาลอกคราบสังคมกันใหม่ เหมือนญี่ปุ่นกับเยอรมัน เมื่อแพ้สงคราม เขาก็ล้างไพ่ ลอกคราบ สร้างสังคมกันใหม่จนเจริญก้าวหน้าทุกวันนี้ ประเทศไทยก็เช่นกัน พลิกวิกฤติเป็นโอกาส พรรคการเมืองยุบพรรค ตั้งใหม่ กกต.ลาออก มาว่ากันใหม่ บนเงื่อนไขใหม่ เขาจะมีเกียรติกัน ไม่เกิดการทะเลาะกัน

เมื่อเกิดสภาพอย่างนี้แล้ว เกิดการสลายขั้วกันแล้ว ไม่มีเหนือ-ใต้ตีกัน จะเปิดโอกาสให้เกิดสภาพที่พระเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็นผู้ที่ชำนาญสูงสุด ประชาชนเคารพนับถือ มาแก้ไขปัญหา ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ระบบประชาธิปไตยไม่ใช่เขตปลอดพระมหากษัตริย์ บทบาทของพระองค์ท่านจะเหมาะกับสถานการณ์ที่บ้านเมืองล้างไพ่กันตรงนี้ ที่ผ่านมาเราเรียกร้องกดดันพระองค์ท่านมามาก แต่พอล้างไพ่ ลอกคราบสังคม พระองค์ท่านจะแก้ตรงนี้ได้ด้วยการพระราชทานคนที่เป็นกลางมาแก้ไข มาปฏิรูปการเมือง คือ นายกรัฐมนตรีพระราชทานโดยที่รัฐธรรมนูญยังคงอยู่ เมื่อเป็นแบบนี้ทุกคนไม่เสียหาย มีเกียรติ คุณทักษิณก็มีเกียรติ ช่วยกันทำสัก 9 เดือน หรือ 1 ปี บ้านเมืองก็จะไปได้

ศ.นพ.ประเวศ กล่าวต่อว่า บทเรียนของสังคมตรงนี้ จะทำให้สังคมไทยก้าวเดินอย่างมั่นคงต่อไป เพราะเราเรียนรู้ถึงความเจ็บปวดกันมาก ทุกคนต้องช่วยกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก และเราควรจะดีใจกับวิกฤติตรงนี้ เพราะสังคมได้เรียนรู้ คนได้เรียนรู้ เป็นการสร้างทุนทางสังคม มองในแง่ดีพลังตรงนี้จะไปแก้ไขปัญหาสังคมได้ เป็นพลังที่จะสร้างความเป็นธรรม มหาวิทยาลัย องค์กรเอกชนทำงานวิจัย งานเคลื่อนไหวมา 10 ปี ยังไม่เท่ากับเหตุการณ์ 4-5 เดือนที่ผ่านมา คนชุมนุมกันเป็นแสนๆแต่ไม่เกิดการฆ่ากันตาย ไม่เกิดการนองเลือด ต่อไปจะเป็นการเมืองภาคประชาชนที่มีพลังขับเคลื่อนต่อไป

แต่ถ้าเราไม่ยอมล้างไพ่กัน ยังไม่ยอมลอกคราบ ด้นกันต่อไปภายใต้เงื่อนไขเดิมๆ จะวิกฤติไม่สิ้นสุด อาจจะมีการนองเลือดก็ได้ ต้องระมัดระวังให้มากราษฎรอาวุโส กล่าวในที่สุด

ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ถือได้ว่าพรรคไทยรักไทยแพ้ จากพรรคที่มีกระแสความนิยมสูงสุด มาวันนี้ได้แพ้การเลือกตั้งไปแล้ว แม้คุณทักษิณจะพูดอีกอย่างก็ตาม พรรคไทยรักไทยเคยได้รับความนิยมสูงสุดมาก่อน ในการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว พรรคไทยรักไทยชนะถึง 33 เขต แต่คราวนี้กลับแพ้คะแนน no voteและบัตรเสียถึง 29 เขต นอกจากนั้นยังแพ้ในเมืองใหญ่ๆอีกด้วย

ดร.ประภาส กล่าวต่อว่า ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การเลือกตั้งเป็นการแข่งกันระหว่าง คะแนนเสียงที่เป็นกระแส กับคะแนนเสียงจัดตั้งผ่านหัวคะแนนซึ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่คะแนนที่เปลี่ยนแปลงคือคะแนนกระแส ถ้ามองในแง่นี้ พรรคไทยรักไทยก็พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงแล้ว ในกระแสสังคมพรรคไทยรักไทยไม่มีความชอบธรรมแล้ว ประชาชนได้ตัดสินแล้ว แม้คุณทักษิณจะอ้างว่ามี 16 ล้านเสียงที่เลือกพรรคไทยรักไทย แต่เป็น 16 ล้านเสียงที่เป็นคะแนนจัดตั้ง ได้อย่างถล่มทลายทางเหนือกับอีสาน ขณะที่ภาคใต้แทบไม่มีเลย นี่เป็นคะแนนจัดตั้งที่ไม่มีความหมายทางการเมือง

เห็นได้ชัดว่า กระแสตรงนี้เมื่อรวมกับ คะแนน no vote บัตรเสีย และจำนวนคนที่ไม่ไปใช้สิทธิ์ ซึ่งครั้งนี้จำนวนผู้ไม่ไปใช้สิทธิ์น้อยกว่าเดิมมาก ก็ตีความได้ว่า คนไทยต่อต้านระบอบทักษิณ ไม่เอาทักษิณ แล้วจะประกาศว่าชนะการเลือกตั้งได้อย่างไร ต้องบอกว่าแพ้อย่างสิ้นเชิง การเลือกตั้งซ่อมบางเขตที่จะมีขึ้น ผมว่าภาคใต้ไม่มีทางได้ถึง 20 % แต่รัฐบาลศรีธนญชัยก็จะหาทางออกด้วยการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความให้เปิดสภาให้ได้ อาจจะใช้มาตรา 7 ตามคุณโภคิน นำทางไว้แล้ว

ดร.ประภาส กล่าวว่า ขณะนี้สังคมไทยปิดตายไปหมด ถ้าปล่อยให้ดำเนินไปอย่างที่พ.ต.ท.ทักษิณ อ้าง 60 ต่อ 40 เชื่อว่าพันธมิตรและชนชั้นกลางไม่ยินยอมให้คุณทักษิณอ้างความชอบธรรมตรงนี้มาใช้ และการชุมนุมวันที่ 7 เม.ย.จะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เพราะสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณทำขัดกับความคิดและการแสดงออกของผู้คน

เห็นด้วยว่าต้องล้างไพ่ สภาผู้แทนฯที่จะได้มาไม่มีความชอบธรรม รัฐบาลก็ไม่มีความชอบธรรม เพราะเข้ามาอย่างไม่สง่างาม ปล่อยไปอย่างนี้จะเป็นยิ่งกว่าสภาโจ๊กเสียอีก ต้องล้างไพ่แล้วปฏิรูปกันใหม่ ส่วนรัฐบาลเฉพาะกิจจะมาอย่างไรก็แล้วแต่ มีแนวทางนี้เท่านั้นที่จะผ่านวิกฤติตรงนี้ไปได้ ไม่เช่นนั้นจะเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรง ถ้าไทยรักไทยยังดันทุรังเล่นการเมืองแบบตัวเลข 60 ต่อ 40 หรือ อ้าง 16 ล้านเสียงต่อไปดร.ประภาสกล่าว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์